ตอนที่ 514 – ความฝันที่เก่าแก่ที่สุด (4)
นั่นคือเสียงที่แท้จริงของยูจงฮยอคที่มีชีวิตมากว่า 1864 ครั้ง เสียงนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นมาจากรอบที่ 0 ไปจนถึงรอบที่ 1863 และตัวเอกที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยูจงฮยอค และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเอกของหนทางเอาชีวิตรอด
“ฉัน ฉัน ฉัน…”
เด็กน้อยตัวสั่นอย่างน่าสงสาร แต่เขาก็ไม่อาจลืมตาขึ้นได้ ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าโลกทั้งใบจะพังทลายลงในทันทีที่เขาลืมตาขึ้น
[‘ความฝันที่เก่าแก่ที่สุด’ ปฏิเสธความฝันของเขา!]
⸢นี่เป็นแค่ภาพลวงตา ภาพลวงตา ภาพลวงตาเท่านั้น ⸥
“นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา”
ในเวลาเดียวกันกับที่นักเขียนลับพูดออกมา ประโยคต่างๆก็เริ่มวนเวียนอยู่รอบๆตัวของเด็กน้อย พวกมันคือประโยคจากหนทางเอาชีวิตรอดที่เด็กน้อยอ่าน ที่ผมได้อ่านเหมือนกับเขา
ประโยคที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ และในที่สุดก็ฆ่าผมไปด้วย
และชายคนหนึ่งก็กำลังพูดอยู่ภายในประโยคเหล่านั้น
⸢ “ลีฮุนซึง มันยังไม่จบ”⸥
⸢ “ไม่ต้องห่วง ”⸥
⸢ “ฉันจะไม่มีทางลืมเธอ ชินยูซอง”⸥
ประโยคเหล่านั้นได้กลายเป็นเรื่องราวในไม่ช้า เรื่องราวได้กลายเป็นจินตนาการ และจินตนาการก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในฐานะความเป็นจริงของอีกเส้นโลก
โดยไม่รู้ว่าเรื่องแบบนั้นกำลังเกิดขึ้นในอีกความเป็นจริง เด็กน้อยยังคงปรารถนาให้เรื่องราวดำเนินต่อไป
⸢ “เพื่อที่จะไปถึงการเสื่อมถอยรอบต่อไป และจากนั้นก็ไปยังอีกรอบ”⸥
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด เด็กน้อยได้จินตนาการ ในขณะที่ถูกญาติกดดัน ในขณะที่ถูกรังแกโดยอันธพาล
เพื่อให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องราวส่วนต่อไป
⸢ “ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ เพื่อให้ได้เห็นตอนจบของสถานการณ์เหล่านี้”⸥
เขารู้สึกสบายใจในขณะที่มองไปยังตัวเอกที่ไม่ยอมใคร และภายในความสบายใจนั้น เขาก็ปรารถนาให้ตัวเอกผู้นี้ไม่ยอมแพ้จนถึงที่สุด
⸢ ผู้เขียน การเสื่อมถอยของยูจงฮยอคจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน?⸥
เขาได้เห็นการเดินทางของการเสื่อมถอยที่ไม่มีทางจบลงได้เลย
เปรี๊ยง…
นักเขียนลับไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เขามองไปยังความทรงจำของเด็กน้อยที่หลั่งไหลออกมา
⸢เขาควรจะจดจำทุกเหตุการณ์เหล่านี้ได้ ⸥
ความเด็ดเดี่ยวทั้งหมดนี้ที่เขาไม่มีทางลืมจากรอบที่ 0 ไปจนถึงรอบที่ 1863
สหายของผมและผมเองต่างก็กำลังเฝ้ามองสิ่งเหล่านี้ ส่วนยูจงฮยอคนั้นได้ทรุดตัวลงหลังจากนักเขียนลับหลุดออกมาจากร่างของเขา เขาครวญครางออกมาอย่างหนักหน่วงจากความทรงจำทั้งหมดที่ไหลบ่าเข้ามา ชินยูซองกำลังเช็ดน้ำตาของเธออย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลีจีฮเยนั่งลงกับพื้น ลีฮุนซึงและจางฮีวอนเองก็พยายามอดทนในขณะที่พวกเขาประคองไหล่ที่กำลังสั่นเทาของกันและกันไว้
ในตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้แล้ว พวกเขารู้แล้วว่านักเขียนลับจำเป็นต้องได้รับการชดเชยให้กับชีวิตของเขา
“ต–แต่ แต่ ถึงกระนั้น…”
ชินยูซองพึมพำออกมาราวกับว่าเธอตกอยู่ในภวังค์ และเงยหน้าขึ้นมองผม ราวกับว่าเธอต้องการให้ผมบอกเธอว่าจะผ่านสถานการณ์นี้ไปยังไง
“นักเขียนลับ! หยุด! ฉันบอกให้หยุด!!”
มีแค่ฮันซูยองเท่านั้นที่กำลังต่อต้านประกายแสงตรงหน้าของเธอและเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อากาศอันว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักเขียนลับก็ไม่มองย้อนกลับมา
⸢ และนั่น ผู้แสวงบุญแห่งวันสิ้นโลกอันโดดเดี่ยวก็ได้มาถึงปลายทางของเขา⸥
ดาบเขย่านภากู่ร้องออกมา
⸢ในที่สุด กลุ่มดาวผู้สนับสนุนของเขาก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ⸥
“มันเป็นเจ้า”
ไหล่ของเด็กน้อยสั่นอย่างน่าสงสารราวกับว่าเขากำลังฝันร้าย
⸢ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สามารถถูกฆ่าได้ในพริบตา⸥
ดาบเขย่านภาของเขากู่ร้องออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง นี่คือดาบที่เคยสะบั้นกลุ่มดาวมานับไม่ถ้วน กระทั่งโพไซดอล ซุส นี่หว่า และราชาโดเกบิก็ไม่สามารถหลบรอดไปจากดาบเล่มนี้ได้ ไม่มีดวงดาวไหนสามารถรอดไปได้หลังจากได้ประจัญหน้ากับเขา
นี่คือโอกาสในการแก้แค้นของเขาหลังจากต้องใช้ชีวิตมากว่า 1864 ครั้ง
ดาบเขย่านภาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
“นักเขียนลับ!! ไม่ เดี๋ยวก่อน! ยูจงฮยอค-!!”
ทั้งหมดและฮันซูยองก็ไม่สามารถหยุดมันได้ เหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้น ชินยูซองกุมมือผมไว้แน่นในขณะที่เธอร้องไห้ออกมา
ทุกๆสิ่งคงจะจบลงแบบนี้
ผมไม่จำเป็นต้องเสพเรื่องราวของคนอื่นอีกต่อไป ยูจงฮยอคจะได้เป็นอิสระจากการเดินทางอันแสนยาวนานของเขา
⸢ อย่างไรก็ตาม ทำไมตอนนี้ดาบถึงไม่ขยับเลย?⸥
ดาบเขย่านภาของนักเขียนลับเดินทางผ่านอากาศต่อ ใบดาบที่คล้ายจะสะบั้นลงมาที่เด็กน้อยได้ทุกเมื่อกำลังตัดผ่านเกราะป้องกันที่คล้ายกับเปลือกไข่รอบๆตัวตัวเด็กน้อย
⸢ แม้ว่าเปลือกนอกของมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่นกตัวนี้ก็ไม่สามารถบินไปไหนได้⸥
ร่างของเด็กน้อยสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เรื่องราวที่ให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีกำลังโคจรอยู่รอบๆตัวของเขา
⸢ “เฮ้ หมอนี่เขียนอะไรลงไปบนสมุดอีกแล้ว!”⸥
⸢ “ฮ่าฮ่า เขาเหมือนกับแม่จริงๆเชียว…”⸥
⸢ “นายคือคิมทกจาใช่ไหม? ยังไงก็เถอะ ตอนนี้นายรู้ไหมว่าแม่ของนายอยู่ไหน? อืม… ฉันเข้าใจๆ นายไม่แค้นแม่ของนายเหรอ? เมื่อก่อนแม่ของนายเป็นยังไงกัน?”⸥
⸢ “นายจะเงียบไปอีกนานแค่ไหน? ถ้านายไม่พูดอะไร โลกทั้งใบจะเข้าใจนายผิดได้นะ”⸥
ฉั๊ว
ดาบเขย่านภาเคลื่อนตัวผ่านอากาศและตัดลงไปยังประโยคในความทรงจำเหล่านั้นอย่างแม่นยำ ไหล่ที่กำลังสั่นของเด็กน้อยสั่นขึ้นอีกเล็กน้อย
⸢ แต่ ทำไม?⸥
จิตใจของผมถูกโยนลงสู่ความระส่ำระสาย
⸢ได้ยังไง? ⸥
จากนั้นเสียงที่แท้จริงก็ดังก้องออกมา
[[…เป็นเด็กนี่เหรอ?]]
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งผุดลุกขึ้นมาจากเงาของนักเขียนลับ มันคือลีฮุนซึงแห่งรอบที่ 999 จากนั้นนักเขียนลับก็พยักหน้า
“ใช่ เด็กคนนี้คือผู้สนับสนุนของข้า”
[[อย่ามาล้อเล่นน่า เด็กตัวเล็กๆแค่นี้คือวายร้ายของเรื่องราวทั้งหมดงั้นเหรอ??]]
แม้กระทั่งคิมนัมอุนและลีจีฮเยแห่งรอบที่ 999 ก็อยู่ที่นี่ด้วย
พวกเขาคือเทพเจ้าภายนอกที่ต้องอดทนต่อรอบที่ 999 มา มันไม่ใช่แค่ยูจงฮยอคเท่านั้นที่อยากจะทำลายการถ่ายทอดสดดวงดาวและความฝันที่เก่าแก่ที่สุด
“ไม่”
[[อะไร? ถ้าอย่างงั้น…]]
นักเขียนลับมองไปรอบๆแทนการตอบ
เสียงอึกทึกของเหล่าคนที่กำลังไหลเข้าและออกรถไฟดังมาจากชานชาลาที่อยู่ไกลๆ เขามองกลับไป และรถไฟที่พวกเราขึ้นมาก็หายไปแล้ว
กลับกัน มันมีรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีแดฮวาซึ่งจะพาผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่มีใครสามารถทราบได้ และจากนั้นฝูงชนก็เดินผ่านพวกเราไปราวกับว่าพวกเขาไม่เห็นพวกเราเลย
– นี่คือสถานีแดฮวา
ผู้คนออก็ขึ้นและลงรถไฟ คุณยายคนหนึ่งถูกผลักจากฝูงชนและล้มลง แต่มันก็ไม่มีใครพยายามจะช่วยเธอเลย ส่วนคนแรกที่เห็นชะตากรรมของเธอนั้นก็คือชายชราที่นั่งอยู่บนที่นั่งสำหรับสตรีมีครรภ์
เขามองไปที่คุณยายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคลี่หนังสือพิมพ์ออกมาบังหน้า และเหนือหนังสือพิมพ์เล่มนั้นก็มีพาดหัวข่าวอันหนึ่งอยู่
– เรียงความของอาชญากร
มันเป็นบทความที่ผมรู้จักดี หลายคนเคยได้อ่านมัน พูดคุยถึงมัน และจากนั้นก็หลงลืมเกี่ยวกับมันไป
⸢โศกนาฏกรรมที่ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมัน อย่างมาก มันก็เป็นแค่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ⸥
นักเขียนลับและเหล่าเทพเจ้าภายนอกกำลังมองมาที่เรื่องราวของผม ดวงตาอันโศกเศร้าของพวกเขากำลังมองไปยังโศกนาฏกรรมนี้ที่เกิดขึ้นมาเป็นสิบปีแล้ว
[[…โอ้ ช่างน่าเศร้า เด็กน้อยผู้น่าสงสาร]]
ผมตัวสั่นจากความตกใจเนื่องจากคำพูดเหล่านั้น
โศกนาฏกรรมของผมไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดของพวกเขาเลย บาปแห่งการสร้างโศกนาฏกรรมที่ใหญ่ยิ่งกว่าเพราะตัวผมไม่ควรได้รับการอภัยเลย
[[โอ้พระเจ้า ข้าได้อดทนต่อช่วงเวลาอันนานแสนนานเพียงเพื่อได้มาพบกับเจ้า แต่…]]
อูรีเอลแห่งรอบที่ 999 เอื้อมมือออกมาสัมผัสแก้มของตัวผมในวัยเด็ก
[[เจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่ไร้พลังที่สุดในจักรวาลนี้เลย]]
ร่างของเด็กน้อยสั่นอีกครั้ง
ผมเซไปมา
[[…นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าต้องการพวกเราใช่ไหม? นี่เป็นการขอความช่วยเหลือที่โหดร้ายซะจริง]]
[[เจ้าไม่อาจควบคุมจินตนาการของตัวเองได้ใช่ไหม?]]
ไม่ถูกต้องง ดาบ… ผมจำเป็นต้องหาดาบ
ตัวละครจากรอบที่ 999 แลกเปลี่ยนสายตากัน ในชั่วขณะหนึ่ง พวกเขากำลังมองหน้ากันและกัน
คนแรกที่เปิดปากขึ้นมาคือลีจีฮเยแห่งรอบที่ 999
[[กับข้าไม่เป็นไร แต่กับเจ้าล่ะ? เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?]]
มันค่อนข้างชัดเจนว่าเธอกำลังพูดถึงใคร
นักเขียนลับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบเธอ
“มันก็ยาก”
เรื่องราวนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ โศกนาฏกรรมที่เขาต้องประสบไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายขนาดนั้น
“ข้าเฝ้าสงสัยว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับข้า ข้ามักจะอยากยอมแพ้ ข้าเลิกนับไปแล้วด้วยซ้ำว่าข้าอยากจะฆ่าตัวตายไปกี่ครั้ง” นักเขียนลับที่เงียบไปสักพักพูดต่อ “อย่างไรก็ตามก็มีบางคนที่มั่นใจว่าข้าไม่มีทางจะยอมแพ้ ”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเขาไม่ได้พุ่งไปที่ร่างกาย ไม่ เขากำลังจ้องมองไปยังเรื่องราวของเด็กน้อย
ทั้งอูรีเอลและลีฮุนซึงแห่งรอบที่ 999 คุกเข่าลงและอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน จากนั้นลีจีฮเยและคิมนัมอุนก็เข้าไปจับมือของเด็กน้อยที่เย็นยะเยือก
นักเขียนลับพูดขึ้นราวกับจะประกาศให้โลกได้รู้
“เอาล่ะ ลืมตาของเจ้าซะ คิมทกจา”
ขนตาของเด็กน้อยที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นสั่นเบาๆ ร่างทั้งร่างของเขาสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ราวกับว่าเขากำลังต่อสู้กับฝันร้ายอันยาวนานอยู่
มันผ่านไปเท่าไรกัน? เปลือกตาของเด็กน้อยค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้างๆ
“อ่า อ่า อ๊า…”
ดวงตาของเด็กน้อยกำลังมองไปยังโลกใบนี้ เขากำลังมองไปยังสิ่งที่เขาเคยเชื่อว่าเป็นภาพลวงตา เขากำลังมองไปยังทูตสวรรค์และจักรพรรดิดาบเหล็กที่กำลังโอบกอดเขาเอาไว้ และที่มือของเขาก็มีทั้งปีศาจแห่งการล่อลวงและจอมพลแห่งน่านน้ำ ลุดท้าย…
“จริงเหรอ… จริงเหรอเนี้ย…?”
และตัวเอกของเรื่องราวที่เขาเฝ้าดูอยู่นานก็อยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
“ใช่ นี่ไม่ใช่ความฝัน”
ภายในความเงียบงันอันหนักหน่วงที่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เสียงของบางสิ่งที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆดังขึ้น
น้ำตารินไหลลงมาจากดวงตาของเด็กน้อย ผมรู้ดีว่าน้ำตาเหล่านี้มีความหมายยังไง และผมเองก็รู้ดีว่านักเขียนลับและเหล่าเทพเจ้าภายนอกกำลังจะทำอะไร และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกทรมาณอยู่ภายใน
⸢ นั่น นั่นไม่ใช่ทางเลือกของพวกเขา⸥
สิ่งมีชีวิตที่อยู่กับเรื่องราวบางอย่างเป็นเวลานานในที่สุดก็จะไม่สามารถหลีกหนีจากเรื่องราวนั้นได้ เหมือนอย่างอากาเรส เมทาทรอน มังกรแห่งวันสิ้นโลก และราชาโดเกบิ มันก็เหมือนกันกับเหล่าเทพเจ้าภายนอก
บางทีอาจเป็นไปได้ว่าสิ่งที่พวกเขาเลือกนั้นถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ต้น?
ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงร้องไห้
“เขาคือความฝันที่เก่าแก่ที่สุด! เขาจำเป็นต้องตาย! ถ้าเขาไม่ตาย งั้นโศกนาฏกรรมของพวกนายก็จะไม่จบลง! การเสื่อมถอยของนาย การถ่ายทอดสดดวงดาว ทั้งหมดนั่นเลย-!!”
พวกนายต้องไม่ถูกกลืนกินโดย ‘เรื่องราว’ นั้น
ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากพวกนาย
สิ่งที่ผมต้องการจริงๆไม่ใช่เรื่องราวแบบนั้น
[บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ‘ตัวละคร’]
นักเขียนลับกำลังมองกลับมาที่ผมด้วยดวงตาที่ผมดูไม่ออกเลย จากภายในเรื่องราวที่ผมไม่เคยอ่านมาก่อน เขากำลังจ้องมองมาที่ผม
มันไม่ใช่แค่เขา แม้กระทั่งอูรีเอล ลีจีฮเย คิมนัมอุน และกระทั่งลีฮุนซึงก็ด้วย
[บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ‘ตัวละคร’]
[บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ‘ตัวละคร’]
[บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ‘ตัวละคร’]
[บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ‘ตัวละคร’]
ผมจ้องมองไปยังข้อความที่โผล่ขึ้นมาด้วยความมึนงง
⸢ ทหารที่ชอบธรรมที่สุดในโลก⸥
⸢ ทูตสวรรค์ที่สูงส่งที่สุด⸥
⸢ แม่ทัพผู้ไม่อดทนต่อความอยุติธรรม⸥
⸢ ปีศาจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อโลก⸥
⸢ ผู้เสื่อมถอยที่ต่อสู้กับระบบที่เรียกว่าการถ่ายทอดสดดวงดาว⸥
นักเขียนลับและเหล่าเทพเจ้าภายนอกกำลังมองไปยังโลกของเด็กน้อยคนนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายซึ่งต้องมองดีๆเท่านั้นจึงจะสังเกตเห็น
คิมนัมอุนมองไปยังเรื่องราวของโลกเช่นนั้นและพึมพำออกมา
[[แม้จะไม่มีการถ่ายทอดสดดวงดาว แต่โลกก็ยังเหมือนเดิม]]
เสียงของเขาฟังดูราวกับว่าในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าศัตรูที่เขาจำเป็นต่อสู้ต่อไปจากนี้คืออะไร เรื่องราวที่นักเขียนลับและเหล่าเทพเจ้าภายนอกสร้างขึ้นกำลังแยกเขี้ยวของพวกมันเข้าใส่ความเป็นจริงที่รายล้อมเด็กน้อยเอาไว้
⸢ ณ ปลายทางของการเดินทางอันแสนยาวนาน ผู้เสื่อมถอยเลือกโลกที่เขาค้นพบ⸥
ในที่สุดตัวละครที่ไปถึงบทสรุปก็หลุดพ้นจากเรื่องราว ในขณะที่กำลังโอบกอดพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปยังเรื่องราวโฉมใหม่
ผมส่ายหัวราวกับคนบ้าและคลานไปหาพวกเขา
นี่ต้องไม่เกิดขึ้น
ผมให้สัญญาไว้ เพื่อที่จะยุติความฝันที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อที่จะยุติโศกนาฏกรรมนี้
มือของผมปัดไปทั่วพื้นและพบดาบหักในที่สุด
ผมต้องทำมัน ด้วยสิ่งนี้ ผม…
[[คิมทกจา]]
นักเขียนลับเรียกผม เมื่อผมเงยหน้าขึ้น เขาก็พูดต่อ
[[เจ้าจำสถานการณ์แรกได้ไหม?]]
สถานการณ์แรก ‘พิสูจน์คุณสมบัติ’
นักเขียนลับและกลุ่มดาวเห็นผมเป็นครั้งแรกจากสถานการณ์นั้น
[[ตอนนั้นเจ้าบอกคนอื่นไว้แบบนี้ ‘เงื่อนไขการเคลียร์สถานการณ์คือการไม่ฆ่ามนุษย์’]]
ผมนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับเขา
– โปรดยุติความฝันที่เก่าแก่ที่สุด
โลกถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงเจิดจ้า และสายตาของผมก็พร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ สหายที่กำลังมึนงงอยู่ของผมรีบพากันมารวมตัวรอบๆผม
[คุณได้บรรลุคำสัญญากับ ‘นักเขียนลับ’]
คิมทกจาในวัยเด็กถูกโอบกอดไว้ด้วยจักรพรรดิดาบเหล็กและทูตสวรรค์ เขากำลังมองมาที่ผม แสงสว่างเริ่มกลับคืนสู่ดวงตาของเด็กน้อยที่เคยหมกมุ่นอยู่กับความฝันอันยาวนาน
เมื่อไหร่ที่ความฝันควรจะยุติลง? นั่นคงจะเป็น…
⸢ …เมื่อความฝันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว⸥
หลักจากนั้นทุกๆสิ่งจึงเริ่มเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมา
มันก็เหมือนกันกับที่ความฝันที่เก่าแก่ที่สุดได้ยุติลงเมื่อยูจงฮยอคแห่งหนทางเอาชีวิตรอดมาถึงที่นี่
เสียงของรถไฟคันต่อไปที่กำลังมาถึงดังออกมาจากระยะไกล
[กลุ่มดาว ‘นักเขียนลับ’ มาถึง ■■ ของเขา]
ในเวลาเดียวกันกับที่นักเขียนลับให้สัญญาณ สหายของผมและผมก็ถูกดูดเข้าไปในรถไฟที่มาถึงด้านหลังของพวกเรา
“ที่นี่คือบทส่งท้ายของเรื่องราวนั้น”
ตัวละครที่ช่วยผมในวัยเด็กเอาไว้กำลังหายไปจากประตู
เหมือนกับที่ยูจงฮยอคแห่งรอบที่ 1863 ซึ่งได้สังหารตัวเองเพื่อข้ามไปยังเส้นโลกใหม่ พวกเขาเองก็กำลังก้าวไปยังโลกที่ผมไม่รู้จัก
ภายในลำแสงนั้น ผมเห็นยูจงฮยอคกำลังยิ้มบางๆ
เขาดู… ปลดปล่อย