Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1971

4 ธันวาคม 2019   @admin  

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1971 การเดินหมากที่แท้จริง

ศิษย์พี่สามรั่วซู่ไม่ได้รั้งอยู่นานก็จากไปแล้ว

ก่อนจากไปยังสื่อจิตบอกหลินสวินว่า เมื่อเข้าเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ขอเพียงชิงเอามหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นมาได้ ต่อให้ฐานะเปิดเผยก็ไม่เป็นไร

นี่ทำให้หลินสวินใจสงบลงมาก

ตอนนี้เขาหลอมร่างแยกมหามรรคออกมาห้าร่าง แต่ถ้าพูดถึงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ยังเป็นพลังของร่างต้นอยู่ดี

หนำซ้ำในเขตต้องห้ามเซียนโบราณยังอันตรายหาใดเทียบ ไม่เหมือนกับแดนลับโลกาสวรรค์ ย่อมต้องเกิดเรื่องล้มตายมากมาย

หลินสวินแน่ใจมากว่าพวกร้ายกาจอย่างหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวง จะต้องมีไพ่ลับที่ใช้รักษาชีวิตอยู่แน่

เช่นสมบัติจักรพรรดิ วิชาลับเย้ยฟ้าบางวิชา

ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้ ในมือเขาก็ไม่ขาดวิธีรักษาชีวิตเช่นกัน

รั่วซู่จากไปไม่นาน พวกหลินสวินทั้งหนึ่งร้อยแปดคนออกจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์ไปยังเขาเมฆา ภายใต้การนำของระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหง!

เขาเมฆาตั้งอยู่เหนือสุดของโลกใหญ่หงเหมิง ขึ้นเหนือไปอีกก็จะเป็นแดนปริศนาที่ยังไม่เคยถูกคนสำรวจสภาพทั้งหมดจนถึงตอนนี้

ที่นั่นกว้างใหญ่ดั่งไร้สิ้นสุด ลึกลับหาใดเทียบ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่รู้ว่าดึงดูดผู้ฝึกปราณมาผจญภัยมากมายเท่าไร

แต่ที่รอดกลับมาได้จริงๆ กลับมีเพียงไม่กี่คน!

และเขตต้องห้ามเซียนโบราณซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเขตต้องห้ามของโลกใหญ่หงเหมิง ก็ตั้งอยู่ในส่วนลึกของแดนปริศนาแห่งนั้น เป็นพื้นที่อันตรายที่ทำให้ระดับจักรพรรดิยังไม่กล้าย่างกรายเข้าไปง่ายๆ!

……

เหล่าจักรพรรดิออกเดินทาง นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถสะเทือนทั่วหล้าได้ ย่อมไม่อาจมีใครกล้าขัดขวางในเวลาแบบนี้

ตามที่หลินสวินเข้าใจ ต่อให้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็ต้องเปลืองเวลาไปเกือบหนึ่งเดือนจึงไปถึง

แต่เมื่อมีระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหงพาไป สามชั่วยามผ่านไปพวกเขาทั้งกลุ่มก็มาถึงอย่างปลอดภัย

เขาเมฆา!

เมื่อได้เห็นภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือสุดของโลกใหญ่หงเหมิงแห่งนี้ พวกหลินสวินต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้

ก็เห็นว่าใต้เวิ้งฟ้ามีเมฆหมอกสีขาวโพลนเป็นชั้นๆ ดั่งหินผากองสุม ปูอยู่เหนือผืนดิน บดบังห้วงอากาศและท้องนภาไว้หมด

มองจากไกลๆ ไอเมฆกลายเป็นภูเขา สูงตระหง่านเทียมฟ้า ประหนึ่งปราการที่ตัดพาดกลางฟ้าดิน ชวนให้สั่นสะท้าน

แต่ทันใดนั้นพวกหลินสวินก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่า พลังระเบียบมหามรรคที่อบอวลไปทั้งฟ้าดินแห่งนี้ ก่อนจะมาถึงเขาเมฆาก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ ไม่อาจแทรกซึมเข้ามาได้

ความรู้สึกนี้พิสดารนัก เปรียบดั่งประตูบานหนึ่งกั้นขวางพลังฟ้าดินของพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่เอาไว้ข้างนอก

ส่วนภายในประตูก็เป็นโลกอันเป็นปริศนาโดยสิ้นเชิงแห่งหนึ่ง!

“นี่ก็คือเขาเมฆา หนึ่งในปราการระหว่างโลกใหญ่หงเหมิงกับแดนปริศนา มีอีกชื่อว่าภูเขากั้นแดน ปราการทำนองนี้ ในโลกใหญ่หงเหมิงมีมากมายนับไม่ถ้วน”

มีคนเอ่ยเบาๆ

“เมื่อพวกเราเข้าไปในนั้น สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าก็คือโลกปริศนาแห่งหนึ่ง และอันตรายก็ซุกซ่อนอยู่ในปริศนาอันไร้สิ้นสุดนั้น!”

“ต้นไม้ใบหญ้าที่โตอยู่ในนั้น สรรพชีวิตที่กระจายอยู่ตามภูผาธาราล้วนต่างจากในโลกใหญ่หงเหมิงโดยสิ้นเชิง หนอนที่ไม่เตะตาตัวหนึ่งยังอาจเขมือบร่างของระดับจักรพรรดิได้ หรือหญ้าต้นเล็กที่ดูเหมือนธรรมดาต้นหนึ่งยังฟันดวงดาราร่วงได้…”

มีระดับจักรพรรดิรำพึง “แม้ทางเดินโบราณฟ้าดาราจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ในสายตาพวกข้าแล้ว แดนปริศนาจึงจะเป็นสถานที่ลึกลับไม่อาจหยั่งถึง ตั้งแต่อดีตไม่มีใครรู้ว่าแดนปริศนาแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงไหนกันแน่ และจะไปสิ้นสุดไหน”

เหล่าคนรุ่นเยาว์อย่างพวกหลินสวินต่างจิตใจปั่นป่วน

ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาตอนนี้ หากอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ตระการตาที่สุดซึ่งอยู่ใต้ระดับจักรพรรดิ

แต่กลับไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามเข้าไปในแดนปริศนา!

สาเหตุก็ง่ายดายนัก แดนปริศนาอันตรายเกินไป อันตรายจนทำให้ระดับจักรพรรดิยังไม่กล้าย่างกราย

แน่นอนว่าบนโลกนี้มักมีพวกร้ายกาจที่ไม่กลัวตายมากมายเสมอ แต่เมื่อคนเหล่านี้เข้าไปในนั้นก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย

ที่โชคดียิ่งอาจจะยังเอาชีวิตกลับมาได้สักครั้ง รอดชีวิตกลับมา

ท่ามกลางเสียงสนทนา ทุกคนก็มาถึงหน้าเขาเมฆาแล้ว

ไท่ซูหงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะการถือกำเนิดของมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น พลังกฎเกณฑ์ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณตอนนี้จึงพลันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สามารถทำให้พวกเจ้าเข้าไปในนั้นได้อย่างปลอดภัย”

“แต่ก็เพราะเขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แม้แต่พวกข้ายังไม่อาจตัดสินได้ว่าอันตรายที่อยู่ในนั้นน่ากลัวขนาดไหนกันแน่ ยามพวกเจ้าอยู่ในนั้นจะต้องระมัดระวังรอบคอบสักหน่อย”

คำพูดนี้ทำเอาพวกหลินสวินต่างสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นไม่น้อย

“มีอันตรายมากมายก็ต้องมีศุภโชคมากเช่นกัน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น ภายในเขตต้องห้ามเซียนโบราณต้องมีศุภโชคเหลือเชื่อมากมายกระจายอยู่ ถ้าพวกเจ้าคว้าไว้ได้ จะต้องนำประโยชน์อันไม่อาจประเมินได้มาให้ตัวเองอย่างแน่นอน”

ไท่ซูหงเอ่ยยังกำชับอีกรอบ แล้วสายตาก็มองไปที่ระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ “ทุกท่าน ลงมือได้แล้ว”

“ได้”

ระดับจักรพรรดิที่มาจากขุมอำนาจเรือนมรรคและเผ่านักรบคนอื่นๆ ต่างพากันพยักหน้า

“ทะยาน!”

ไท่ซูหงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ประทับมรรคที่มีแสงเทพสีทองคับฟ้าไหลหลั่งชิ้นหนึ่งก็ปรากฏออกมา เหนือประทับมรรคมีลายมรรคฟ้าประทานแน่นขนัดประทับไว้ชั้นหนึ่ง

“พุ่ง!”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์โพล่งออกมา เตากำยานสำริดที่วาดสัญลักษณ์สัตว์มงคลนับไม่ถ้วนชิ้นหนึ่งก็ทะยานขึ้นฟ้า มีปรากฏการณ์อย่างหมื่นสัตว์คำราม สุริยันจันทราสั่นไหวอุบัติขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ

“มา!”

จักรพรรดิลมศิลาเมฆแห่งเรือนมรรคยุทธจักรสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง กระบี่ยักษ์เจิดจ้าตระการตาเล่มหนึ่งปรากฏ พื้นผิวของกระบี่ยักษ์สะท้อนภาพน่ากลัวอย่างเหล่าเทพกรำศึก ผีสางหลั่งเลือด

ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแห่งเรือนมรรคจักรวาลก็เรียกคทาหยกสมปรารถนาสีเขียวเล่มหนึ่งออกมา จักรพรรดิมารผลาญนภาแห่งเรือนมรรคเหล่ามารเรียกม้วนภาพออกมาม้วนหนึ่ง ภายในม้วนภาพแสดงโลกสีโลหิตแห่งหนึ่ง มีเงาร่างของเทพมารสามพันตนควบคุมบัญชาอยู่ในนั้น

สมบัติทั้งห้าชิ้นนี้ได้แก่

‘ประทับทองอัคคีทักษิณ’ ของเรือนมรรคโลกาสวรรค์

‘เตามงคลสรรพวิญญาณ’ ของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์

‘กระบี่มรรคสังหารเทพ’ ของเรือนมรรคยุทธจักร

‘คทาสมปรารถนาแก้วเขียว’ ของเรือนมรรคจักรวาล

‘ม้วนภาพสามพันมาร’ ของเรือนมรรคเหล่ามาร

แต่ละชิ้นต่างเรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติพิทักษ์สำนัก ที่มาที่ไปชวนตะลึง อานุภาพยิ่งน่ากลัวจนเหลือเชื่อ

ตูม!

ก็เห็นว่าแสงสมบัติเต็มฟ้ารวมตัวกันและกวาดออกไป ฟ้าดินแห่งนี้ปั่นป่วนไปหมด

จากนั้นเหนือปราการภูเขากั้นแดนที่มีเมฆขาวทับถมเป็นชั้นๆ นั้นก็ถูกทะลวงเป็นรอยแยกมหึมาสายหนึ่ง พุ่งไปยังส่วนลึกที่อยู่ไกลลิบ

บนปราการที่ถูกทะลวงนั้นมีดอกมรรคดอกแล้วดอกเล่าสาดพรมออกมา พร่างพราวหาใดเทียบ งามตระการละลานตา

นั่นเป็นถึงสิ่งที่กฎเกณฑ์มหามรรคสำแดงออกมา ไม่ได้เป็นของโลกใหญ่หงเหมิง แต่เป็นพลังกฎเกณฑ์ลึกลับของแดนปริศนา

ที่ผ่านมาในอดีตล้วนไม่เคยเห็น เป็นเพราะเรือนมรรคใหญ่ล้วนใช้ยอดสมบัติพิทักษ์สำนักร่วมมือกันโจมตี ถึงได้ทะลวงมุมหนึ่งของปราการได้ ทำให้ระเบียบมหามรรคอันลึกลับเช่นนี้เผยชัดออกมา

ทุกคนในที่นั้นต่างอึ้งไป อย่าว่าแต่พวกหลินสวิน แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไรเหล่านั้นยังหรี่ตา จับจ้องโดยละเอียด

น่าเสียดาย ดอกมรรคที่สาดพรมออกมาเหล่านั้นไม่ทันไรก็หายลับไปอย่างเงียบเชียบ ไม่อาจจับไว้ได้สักนิด

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งขับเน้นให้แดนปริศนาแห่งนั้นไม่ธรรมดา

ครืน…

บนปราการเขาเมฆาเกิดเสียงครั่นครืนไม่ว่างเว้น รอยแยกที่ถูกทะลวงนั้นพลิกตลบไม่หยุด ในที่สุดก็กลายเป็นอุโมงค์เรียวยาวและส่องสว่างเส้นหนึ่ง

มองจากไกลๆ ราวกับธารดาราที่แผ่ขยาย ยืดออกไปยังส่วนลึกอันไร้สิ้นสุด แสงประกายต่างๆ ไหลเวียนบนอุโมงค์ แสงเทพโบกไหวราวน้ำตก ทิวทัศน์น่าตกตะลึง

“รีบไป!”

ไท่ซูหงตวาด บนหน้าผากเขามีเหงื่อซึมอยู่รางๆ

ระดับจักรพรรดิคนอื่นที่ควบคุมยอดสมบัติพิทักษ์สำนักอยู่ต่างก็เผยสีหน้าอ่อนแรง การบุกเบิกอุโมงค์นี้ต้องสิ้นเปลืองพลังมาก ไม่ต่างกับการเบิกฟ้าแยกดินในยามจักรวาลแรกกำเนิด!

“ไป!”

พวกหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนงต่างลงมือโดยไม่ลังเล กระโจนไปยังอุโมงค์ตระการตาดุจภาพฝันเส้นนั้น

‘จำไว้ว่าต้องรักษาตัวรอดไว้ก่อน ค่อยคิดเรื่องแสวงหาวาสนา’

หลินสวินรีบสื่อจิตบอกพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย ลู่ตู๋ปู้ ขณะที่พูดพวกเขาก็พุ่งเข้าไปเช่นกัน

ในที่สุดหนึ่งร้อยแปดคนนี้ก็เข้าไปหมด

โครม!

เห็นดังนี้พวกไท่ซูหงก็เก็บสมบัติทันที ทางผ่านที่ถูกเปิดออกสายนั้นก็สมานกัน หายลับไปด้วย

และตอนนี้พวกไท่ซูหงหน้าซีดเผือด หอบหายใจไปแล้ว

ด้วยรากฐานและพลังของพวกเขา ต่างสามารถทำให้ทั่วหล้าสะท้านสะเทือน แต่ขณะนี้เพียงแค่แผ้วทางสายหนึ่งไปยังเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ก็หมดเปลืองพลังกายไปมากยิ่งนัก

เพียงคิดก็รู้ว่าถ้าไม่มีการร่วมมือกันของขุมอำนาจใหญ่คราวนี้ หากหมายจะเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“อีกสามเดือนพวกเรามาค่อยมาร่วมมือเปิดเส้นทาง รับเจ้าพวกนี้กลับมาอีกครั้ง” ไท่ซูหงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงขรึม

“กลับมาหรือ ในความคิดข้า เกรงว่าคนส่วนมากจะกลับมาไม่ได้แล้ว” จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเอ่ยเย็นชา

เหล่าจักรพรรดิล้วนเงียบงัน ในใจมีความคิดมากมาย

การเคลื่อนไหวคราวนี้จะไม่มีการบาดเจ็บล้มตายได้อย่างไร

ทว่าขอเพียงนำมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นกลับมาได้ ก็คุ้มกับความทุ่มเททั้งหมดแล้ว!

“ทุกท่าน ใกล้ๆ กับเขาเมฆาแห่งนี้มีผู้ร่วมมรรคไม่น้อยกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่นะ”

ทันใดนั้นซย่าสิงเลี่ยก็ยิ้มพลางเอ่ยปาก

“นี่มันแน่อยู่แล้ว เจ้าเฒ่าทั่วหล้าเหล่านั้นจะไม่จับตามองการเคลื่อนไหวคราวนี้ได้อย่างไร ข้ายังสงสัยว่าอีกสามเดือนให้หลังจะมีระดับบรรพจารย์ปรากฏตัวด้วยซ้ำ”

ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเอ่ยทอดถอนใจ

“ทุกท่านไม่ต้องกังวล ครานี้พวกเราขุมอำนาจใหญ่ร่วมกันลงมือ เกรงว่ามองไปทั้งใต้หล้าจะไม่มีใครกล้าวิ่งมาก่อกวน”

ไท่ซูหงเอ่ยเรียบๆ น้ำเสียงเจือความเชื่อมั่นโอหัง

“คนโง่ถึงจะมาก่อกวนในเวลาแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นข้า รอมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นถูกนำออกมาจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณแล้ว ถึงค่อยตัดสินใจว่าจะสอดมือหรือไม่”

ซย่าสิงเลี่ยแววตาเคร่งขรึม เอ่ยเนิบๆ ว่า “ถึงอย่างไรคนก็ตายเพราะทรัพย์สิน นกตายเพราะอาหาร ต่อให้เป็นจักรพรรดิเป็นบรรพจารย์ จะมีใครแหวกขนบได้บ้าง”

พวกไท่ซูหงแววตาวับวาบ

เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นไหม

ก็อาจจะ!

แต่พวกเขาที่มาจากขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่กับสิบเผ่านักรบใหญ่ พิจารณาถึงสถานการณ์ทำนองนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนเคลื่อนไหวแล้ว ดังนั้นในใจจึงแค่ระวังไว้ ไม่ได้หวั่นกลัว

ในหุบเขาที่อยู่ไกลลิบจากเขาเมฆาแห่งหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ฝนเม็ดละเอียดโปรยปราย

ภิกษุเฒ่ารูปร่างผอมบางรูปหนึ่งสวมชุดภิกษุเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน นั่งหลังตรงอยู่บนหินผาก้อนหนึ่ง กำลังเดินหมากกับคนอื่น

เมื่อเส้นทางที่ถูกเปิดออกบนปราการเขาเมฆาหายลับไป รอยยิ้มน้อยๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของภิกษุเฒ่า พร้อมกับวางหมากดำเม็ดหนึ่งในมือลงบนกระดานหมากเบาๆ

แปะ!

วางหมากแล้วไม่อาจย้อนกลับ

“การเดินหมากที่แท้จริง ในที่สุดก็เริ่มขึ้นแล้ว”

ภิกษุเฒ่าเอ่ยเสียงเบา

Tags:
เว็บอ่านนิยาย PDF นิยายจีน นิยายแปล นิยายไม่ติดเหรียญ นิยายวาย นิยายรัก นิยายY https://lnwnovel.com นิยายกำลังภายในสนุกๆ อ่านได้บน IPAD IPhone Android IOS ได้ทุกแพลตฟอร์ม มือถือทุกเครื่อง