จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1488
ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญเซียน
พวกเขาก็กำลังคิดอยู่ว่าทำไมจะต้องรอจนถึงช่วงเช้าของอีกวันหนึ่งจึงจะออกเดินทาง
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องออกเดินทางเลยไม่ใช่เหรอ?
ไอ้หนุ่มนี่
คิดไม่ถึงว่าจะต้องรอให้หญิงสาวที่อยู่ในห้องตื่นขึ้นเสียก่อน จากนั้นก็ทานอาหารกันให้เรียบร้อย แล้วจึงจะออกเดินทางได้
แต่ว่า หญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าสวยงดงามมากเลยทีเดียว
โม่หยู่เปรียบเทียบตัวเองกับฉินหลันอยู่ในใจ ฉินหลันนั้นเว้นแต่ไม่มีพลังบำเพ็ญแล้ว ด้านรูปร่างหน้าตา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยแม้แต่น้อย!
มิน่าล่ะ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับตัวเธอเอง
โดยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนรู้จักและใกล้ชิดกันนั้น หลินหยุนก็ไม่ได้แสดงกิริยาท่าทีอื่นใดออกมาแม้แต่น้อยเลย
ที่จริงแล้วก็มีคู่ฝึกฝนที่พราวเสน่ห์ สวยงดงามอย่างที่สุดอยู่แล้วนี้เอง
ทั้งสี่คนเดินทางออกจากเมืองโม่
หลินหยุนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
โดยที่ไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใด
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
ณ บริเวณหนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ทางตอนเหนือของเมืองชิวซาน
นี่คือสถานที่ที่หลินหยุนเลือกสำหรับทำการหลอมยาทอง
บริเวณด้านข้างของหนองน้ำใหญ่ หลินหยุนหันมองไปยังโม่เทียนเจินกับโม่หยู่สองพ่อลูกนั้น และพูดว่า “ทั้งสองท่าน รบกวนช่วยดูแลพี่สาวของฉันด้วย! ฉันจะเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหนองน้ำเพื่อทำการหลอมยาทอง! ”
โม่หยู่ได้ยินดังนั้น พลันขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า “นายแน่ใจเหรอว่า นายจะหลอมยาในที่แห่งนี้? ”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “แน่นอน! ฉันคิดว่าที่ตรงนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว! ”
หยุดชะงักไปชั่วครู่ หลินหยุนก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “แม่นางโม่หยู่สามารถตามฉันเข้าไปด้านในด้วยได้เลย! ”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่ฉินหลันและพูดขึ้นว่า “พี่ฉินหลัน คุณรอฉันอยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะ! ”
แม้ว่าฉินหลันจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังคงพยักหน้า ตอบตกลงอยู่ดี
หลินหยุนไม่พูดจาพร่ำเพรื่ออีก มองไปที่โม่หยู่และพูดขึ้นว่า “แม่นางโม่หยู่ พวกเราไปกันเถอะ! ”
ขณะที่พูด ก็ก้าวเดินลงไปในหนองน้ำใหญ่!
โม่หยู่มองไปที่พ่อของตัวเองเล็กน้อย ทางโม่เทียนเจินก็พยักหน้า โม่หยู่จึงกระโดดก้าวขึ้น และตามหลังหลินหยุนไป
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังลงไปในหนองน้ำนั้น บริเวณด้านข้างของหนองน้ำ พวกหนอนชั่วที่เลวร้ายทั้งหลาย ก็อยู่กันตรงบริเวณที่ไม่ห่างไกลกับฉินหลันและโม่เทียนเจินมากนัก
แน่นอนว่าเขาอยากที่จะพาฉินหลันลงมายังใต้ทะเลสาบลึกนี้ด้วย
แต่โม่เทียนเจินคงจะไม่ยินยอมอย่างเด็ดขาด
และเขาก็ไม่สามารถที่จะพาโม่เทียนเจินไปด้วยได้อย่างแน่นอน
นั่นเพราะเขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแดนจิตปฐม
เขาไม่สามารถไว้วางใจฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพาโม่หยู่ไป แล้วปล่อยให้ฉินหลันอยู่ตรงนี้ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว
หลินหยุนนำพาโมหยู่ที่เดินตามหลัง มาถึงหนองน้ำใหญ่ส่วนลึกที่สุดอย่างรวดเร็ว
ในตำแหน่งที่ตั้งของประตูนั้น
เมื่อเห็นประตูบานนั้นแล้ว โม่หยู่ก็ถึงกับตกใจ และพูดขึ้นว่า “นี่……นี่คือประตูที่ทำมาจากหินหมึกเทาใช่ไหม? ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็ตกใจเช่นกัน และพูดขึ้นว่า “ประสบการณ์ความรู้ของแม่นางโม่หยู่นั้น ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! ”
โม่หยู่สูดหายใจลึก และพูดว่า “ก็แค่อ่านบันทึกประวัติศาสตร์โบราณมากหน่อยก็เท่านั้น! ที่นี่คือสถานที่อะไรเหรอ? ”
หลินหยุนพูดว่า “เข้าไปด้านในก็ทราบแล้ว! ”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็กวัดแกว่งแขน โอบคลุมร่างของโม่หยู่เอาไว้
เงาร่างของทั้งสองคนกะพริบเคลื่อนไหว หายวับไปกับที่
ภายในคฤหาสน์
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “จากนี้ไป ฉันจะทำการหลอมยาทอง! แม่นางโม่หยู่พักรออยู่ที่แห่งนี้แล้วกัน! ”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็เดินตรงเข้าไปด้านหลังของตำหนัก
เดินออกจากคฤหาสน์ เข้าไปในภูเขา
หลินหยุนได้บอกให้เจียซินปล่อยพวกหนอนชั่วนั้นออกมาจำนวนไม่น้อย และพูดขึ้นว่า “หากหล่อนมีปฏิกิริยาอะไรที่ผิดปกติ ก็ตักเตือนหล่อนไปบ้าง! หล่อนก็คงจะยับยั้งชั่งใจลงได้! ”
เจียซินพูดว่า “วางใจเถอะ! ”
หลินหยุนพยักหน้า จากนั้นก็หาตำแหน่งที่เหมาะสม แล้วก็นั่งขัดสมาธิลง
ทันใดนั้นก็เกิดประกายแสงขึ้นบนมือ กล่องผ้าสีเขียวใบนั้นก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา
หลินหยุนสูดหายใจลึก และเปิดกล่องผ้าออกด้วยความระมัดระวัง
การเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้นั้น เขาได้รอคอยมาเป็นเวลานานมากแล้ว
เขาไม่ใช่ว่าจะเริ่มต้นรอคอยตั้งแต่ที่หลอมยาทองครั้งที่แปดเสร็จสิ้น พูดกันตามตรงว่า หลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพขึ้นนั้น ก็รอคอยเวลานี้แล้ว
เพื่อที่จะบรรลุสำเร็จขั้นยาทองหวูซ่างระดับเทพ
จึงจะถือได้ว่าชีวิตของเขาในชาตินี้ ได้บำเพ็ญฝึกฝนตามแนวทางต้าเต๋าอย่างแท้จริงแล้ว
และตรงตามกับสิ่งที่เขาต้องการ นั่นก็คือต้าเตาขั้นสูงสุด
หลินหยุนนำหินสูติไฟออกมา แล้วก็ขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญเริ่มต้นการดูดซับพลังในทันที
เขาไม่ทราบว่ายาทองหวูซ่างระดับเทพ จะปรากฏลักษณะรูปร่างขึ้นแบบไหน ดังนั้น เขาจึงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่สำหรับทำการหลอมครั้งสุดท้าย
ยาทองลอยออกมาจากปาก และไปดูดซับพลังเหนือหินสูติไฟอย่างต่อเนื่อง
ลวดลายสีทองเส้นที่เก้าค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว
ในขณะที่กำลังดูดซับพลังอยู่นั้น ยาทองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามไปด้วย
พลังกลิ่นอายก็เพิ่มระดับขึ้น และก็เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกันก็ดูดซับชี่ทิพย์อย่างต่อเนื่อง
สามวันหลังจากนั้น
ลวดลายสีทองเส้นที่เก้าก็ได้สลักอยู่บนยาทองแล้ว
ในขณะที่ลวดลายสีทองกำลังปรากฏในสภาพที่สมบูรณ์นั้น พลังยาทองก็ปะทุขึ้นโดยพลัน และภูเขาก็เกิดระเบิดเสียงดังตูมตามสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งหมด
โม่หยู่ที่รออยู่ด้านในของคฤหาสน์นั้น ก็หันหลังกลับอย่างกะทันหัน แล้วมองไปยังสถานที่ที่เกิดการระเบิดขึ้น
พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นในทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ”
“เขา……ล้มเหลวแล้วหรืออย่างไร? ”
ขณะที่กำลังพูดพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น เงาร่างของเธอก็ได้เคลื่อนไหว เพื่อจะไปยังสถานที่แห่งนั้น
แต่ในขณะนั้นเอง ก็พลันเกิดเสียงดังขึ้นว่า “แม่นาง รออยู่ตรงนั้น ยังไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะไป! ”
ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง โม่หยู่ก็พลันตกใจ และรีบถามขึ้นว่า “เธอเป็นใคร? ”
ที่จริงแล้วข้างกายของเธอนั้น ก็ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย!
คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่รับรู้อะไรเลยแม้แต่น้อย!
เจียซินพูดขึ้นว่า “อย่าได้มีปัญหาข้องใจอะไรมากมายเลย รอให้เขาหลอมยาทองเสร็จสิ้น ก็จะกลับออกมาเอง! ”
โม่หยู่ได้ยินดังนั้น ก็สูดหายใจลึก และพยักหน้า โดยที่ไม่ได้กระทำการบุ่มบ่ามใด ๆ
ทางด้านหลินหยุน หลังจากที่ลวดลายสีทองเส้นที่เก้าได้สลักขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลิ่นอายลมหายใจก็เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด พลังดวงจิตก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังจิตญาณแล้ว
ส่วนสถานการณ์ที่เดิมทียากจะดำเนินต่อเนื่องไปได้นั้น โดยหลังจากที่พลังจิตญาณได้แปรสภาพอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ระเบิดสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง
ภายใต้การชักนำของจิตญาณ ยาทองเกิดการเคลื่อนไหวหมุนตัวอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนสภาพลักษณะอย่างไม่หยุด ในที่สุดก็กลายเป็นของเหลวที่เหนียวหนืดอย่างมาก
นี่คือขั้นตอนการผสมผสานที่ลงตัวอย่างที่สุด
สำหรับตัวของหลินหยุนเอง ก็สิ้นสุดการเพิ่มระดับขั้นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
แต่ตันเถียนข้างบนและตันเถียนข้างล่างของเขา กลับปรากฏขึ้นเป็นลักษณะแทบจะโปร่งใส
ชี่ทิพย์ในชั้นฟ้าชั้นดินจำนวนนับไม่ถ้วน รวมถึงพลังทิพย์ภายในหินทิพย์ ทั้งหมดต่างก็ถูกยาทองที่แปรเปลี่ยนสภาพดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
ยาทองในสภาพของเหลว ก็ค่อย ๆ กลายร่างเป็นลักษณะคนร่างเล็กที่ปิดตาตนหนึ่ง
โดยในขณะนั้นเอง ด้านนอกของสถานที่ที่สร้างขึ้นด้วยหินหมึกเทา บริเวณด้านบนเหนือหนองน้ำขึ้นไป ก้อนเมฆดำจำนวนนับไม่ถ้วนได้มารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง
เมฆดำปกคุลมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
ในก้อนเมฆก็กะพริบเกิดเป็นฟ้าร้องฟ้าฝ่าที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นอย่างไม่หยุด
เหมือนกับว่ามีความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด มารวมตัวกันอยู่ภายในก้อนเมฆนั้นอย่างไม่ขาดสาย
มองเห็นสถานการณ์ดังนี้แล้ว โม่เทียนเจินก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที และพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์……ปิดบังที่แห่งนี้ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“มีเพียงแค่แดนจิตปฐมบรรลุแดนดั่งเทพเท่านั้น ถึงจะเกิดปรากฏการณ์ทัณฑ์ฟ้าผ่าขึ้นได้! ”
“ทำไมการหลอมยาทองครั้งที่เก้า แม้แต่บรรลุขั้นแดนจิตปฐมก็ยังไม่ใช่ ถึงได้เกิดทัณฑ์ฟ้าผ่าแบบนี้ขึ้น? ”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ”
เขาเป็นยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐมอย่างแท้จริง!
ถึงมีประสบการณ์ความรู้มากมายและยังไม่ธรรมดาด้วย
ไม่ว่าจะด้วยความรู้ประสบการณ์ของเขา หรือว่าจากบันทึกในโบราณประวัติศาสตร์ เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ขณะที่หลอมยาทองครั้งที่เก้า จะเกิดปรากฏการณ์ทัณฑ์ฟ้าผ่าขึ้น