จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1227
“เป็นลูกศิษย์สำนักเทียนหยุน!”
“เจ้าเด็กที่แต่งตัวธรรมดาตรงข้ามนั้นเป็นใครกัน?”
“ถึงกับกล้าลงมือกับลูกศิษย์สำนักเทียนหยุน นี่คงไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปอีกแล้วเหรอไง? ที่นี่เป็นเมืองเทียนหยุนนะ!”
“ก็นั่นน่ะสิ!”
“ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นใคร แต่วันนี้ก็ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!”
“ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือกับคนของสำนักเทียนหยุนในเมืองเทียนหยุนนี้หรอก!”
“ใครกล้าลงมือ สุดท้ายก็ต้องตายทั้งนั้น!”
“ไม่เพียงแต่ตาย อีกทั้งยังตายอย่างอนาถอีกด้วย!”
ในขณะที่ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น มีคนที่แต่งกายผู้พิพากษาของเมืองเทียนหยุนจำนวนสองคน กำลังมองลงมาจากข้างบนตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่เย็นชา
“ศิษย์พี่เฉิน พวกเราต้องไปห้ามหรือไม่?”
ชายหนุ่มคนที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้พิพากษาคนหนึ่ง รีบหันหน้าไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ไม่ต้อง!” ชายวัยกลางคนพูดเยาะเย้ย
“ถึงกับกล้าลงมือกับลูกศิษย์สำนักเทียนหยุนเรา รนหาที่ตายชัดๆ! ก็ไม่ดูซะบ้างว่าที่นี่เป็นที่ไหน!”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดว่า “ศิษย์พี่เฉิน แต่ว่าพวกเราเป็นผู้พิพากษานะ ดูเฉยๆอย่างนี้ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”
ชายวัยกลางคนพูดเยาะเย้ยว่า “ศิษย์น้องหลิว พวกเราเป็นผู้พิพากษาก็จริง แต่ต้องหยุดคนที่ไม่ใช่คนของสำนักเรา! เข้าใจหรือยัง?”
ศิษย์น้องหลิวก็กระจ่างขึ้นมาทันที รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เฉิน ผมเข้าใจแล้วครับ!”
ส่วนในเวลานี้เอง บนถนนข้างล่าง
เผชิญหน้ากับพลังกระบี่อันน่ากลัวที่กวาดต้อนมาอย่างแรงนั้น หลินหยุนก็ชี้นิ้วออกไปหนึ่งที
“ปั้ง!”
ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าหลินหยุนจะต้องถูกฆ่าตายคาที่นั้น ฉากที่ปรากฏให้เห็นนี้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เห็นแต่ว่าติงหลิงถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปทั้งตัว จากนั้นก็ตกลงบนพื้นอย่างแรง ในปากก็กระอักเลือดออกมา
ซิงเฟยตกใจทันที รีบวิ่งหายวับไปยังติงหลิงทันที
พวกอู่เหลียนและถังเหมิงทั้งหลายก็ทยอยเข้าไปตรวจดูอาการของติงหลิง
ส่วนเจียงเผิงกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน สายตาที่มองไปยังหลินหยุนเยือกเย็น ราวกับกำลังมองคนตายคนหนึ่งอยู่
หันหน้าไปมองติงหลิง แล้วก็หันหน้ากลับมา สายตามองไปยังหลินหยุนอีกครั้ง
“ที่แท้ก็แอบซ่อนพลังฝึกฝนไว้ พวกลับๆล่อๆนี่เอง!”
“ใครกล้าแตะต้องศิษย์น้องของเจียงเผิง ใครกล้าแตะต้องคนของสำนักเทียนหยุนเรา ไอ้เด็กเวร แกสมควรตาย!”
“จำไว้เลย คนที่ฆ่าแกวันนี้ ชื่อเจียงเผิง แห่งสำนักเทียนหยุน!”
เมื่อสิ้นเสียงลง เจียงเผิงก็ลงมือทันที
แต่ว่าในเวลานี้เอง หลินหยุนขยับแขนขึ้นโบกสะบัดไปมา ราวกับกำลังปัดแมลงวันออกไป
เจียงเผิงในแดนฝึกพลังระยะหลังนั้น ในบรรดาคนรุ่นใหม่ของสํานักเทียนหยุนทั้งหมดถึงแม้ว่าไม่ใช่โดดเด่นที่สุดในส่วนนั้นก็ตาม
แต่ก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหล่อหลอมให้เป็นศิษย์เอกสำคัญคนหนึ่ง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนแล้ว ถึงกับไม่มีโอกาสแม้แต่จะลงมือเลย ก็ถูกพัดกระเด็นลอยออกไปเหมือนกับแมลงวันที่ถูกปัดออกไป แล้วตกลงมาบนพื้นอย่างแรง จากนั้นเจียงเผิงก็รีบลุกขึ้นยืน
พวกติงหลิงต่างก็หน้าถอดสี ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามอีกต่อไปแล้ว
คนที่มุงดูอยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็ตื่นตกใจไปหมด ไม่มีใครคิดเลยว่า หลินหยุนถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้!
แข็งแกร่งก็ไม่ว่า แต่ถึงกับกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้!
ที่นี่คือเมืองเทียนหลิน ก็คือสำนักเทียนหยุนเช่นกัน
อยู่ที่นี่ ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า มีเพียงแต่คนของสำนักเทียนหยุนลงมือกับคนอื่นได้ แต่ไม่เคยมีคนนอกที่ไหนกล้าจะลงมือกับคนของเทียนหยุนเลย
อยู่ที่นี่ ถ้าเป็นมังกรก็ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะขดตัว ถ้าเป็นเสื้อก็ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะหมอบตัวลงอย่างแท้จริง
ในเวลานี้เอง ก็มีเงาร่างสองคนปรากฏแวบขึ้นมา ผู้พิพากษาที่แต่งตัวในชุดยาวสีดำ
เมื่อเห็นผู้พิพากษาสองคนแล้ว คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้พิพากษาของสำนักเทียนหยุนปรากฏตัวแล้ว!”
“คราวนี้เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะ!”
“น่าเสียดายจริงๆเลย!”
“พูดก็พูดเถอะ เจ้าหมอนั่นสู้กับสำนักเทียนหยุนอย่างนี้ รู้สึกสะใจมากจริงๆเลย!”
“ต่อให้ไม่ใช่ลงมือด้วยตัวเอง ก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก!”
“ใช่เลย!”
“เสียดายเจ้าเด็กนี้จังเลย!”
“ผู้พิพากษามาถึงแล้ว งั้นก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
“ถ้าหากลงมือกับผู้พิพากษาละก็ สถานการณ์ก็จะต้องพลิกผันไปหมดเลย!”
“ฮ่าๆๆ ไม่ลงมือแต่ถูกผู้พิพากษาจับตัวไป ก็ยังต้องตายอยู่ดี!”
“ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่มีเบื้องหลังอะไร ถ้าหากมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเหมือนกันละก็ อาจจะยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้!”
ผู้คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่นั่นก็เป็นสภาพจิตใจอารมณ์ของผู้ชมเท่านั้นเอง
ส่วนเมื่อเจียงเผิงเห็นผู้พิพากษาสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่ก็กลมโตขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบพูดตะคอกเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่เฉิน ศิษย์พี่หลิว รีบจับเจ้าหมอนั่นไว้! คนนี้เริ่มลงมือกับพวกเราก่อน ฆ่าเขาให้ตายคาที่ได้เลย!”
ศิษย์พี่เฉินนั้นสีหน้าเรียบเฉย กวาดสายตามองไปยังเจียงเผิง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ศิษย์น้องเจียงโปรดวางใจ ศิษย์พี่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว!”
“อยู่ในเมืองเทียนหยุน ไม่มีใครสามารถมีสิทธิ์ที่จะฝ่าฝืนกฎระเบียบของสำนักเทียนหยุนเราได้!”
พูดพลาง สายตาที่เยือกเย็นของเขาก็มองไปยังหลินหยุน “ไอ้หนู พวกเราเป็นผู้พิพากษาเมืองเทียนหยุน!”
“แกลงมือภายในเมืองนี้ ฝ่าฝืนกฎระเบียบของเมืองเทียนหยุน!”
“ตอนนี้ ฉันตัดสินให้แกทำลายพลังฝึกฝนของตัวเองทั้งหมด มีผลทันที!”
“ถ้าไม่ยอมทำลายพลังฝึกฝนด้วยตัวเอง ฉันก็จะลงมือแล้ว!”
หลินหยุนทำเสียงฮื่อใส่ มองไปยังศิษย์พี่เฉิน แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ลำพังแค่แกเหรอ?”
ศิษย์พี่เฉินอึ้งไปทันที คิดไม่ถึงว่าหลินหยุนถึงกับมีท่าทางยโสโอหังเช่นนี้
เขาไม่เคยเห็นคนในเมืองเทียนหยุนกล้าที่จะยโสโอหังกับเขาเช่นนี้เลย แต่ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว!
แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ดูไปแล้ว แกคงไม่ลงมือด้วยตัวเองแล้ว งั้นให้ฉันทำแทนก็แล้วกัน!”
พูดพลางร่างของเขาก็หลบหายวับไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ยื่นเข้าไปจับตรงจุดตันเถียนของหลินหยุนทันที
หลินหยุนยิ้มเยาะเย้ย ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
แล้วใช้นิ้วชี้จิ้มออกไปที่ฝ่ามือของศิษย์พี่เฉินที่กำลังเข้ามาจับนั้น
“ปั้ง_____”
เสียงดังระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว
ศิษย์พี่เฉินที่อยู่ในแดนยาทองระดับหนึ่งนั้น ก็กระอักเลือดแล้วกระเด็นลอยออกไป
ส่วนหลินหยุน กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง
เมื่อเห็นฉากเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษาอีกคนหนึ่ง เจียงเผิงและติงหลิง ยังมีผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ข้างนอกนั้น ต่างก็อ้าปากค้างกันไปหมด ทุกคนต่างก็เบิ่งตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
ผู้คนที่เข้าออกไปมาในเมืองเทียนหยุนนั้น ก็ย่อมต้องรู้จักผู้พิพากษาเฉินหย่งคนนี้อย่างแน่นอน ก็นับว่าเขาเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของสำนักเทียนหยุนตอนนั้น
ตอนนี้ พลังฝึกฝนก็อยู่ในแดนยาทองชั้นหนึ่งแล้ว!
แต่ก็เพราะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นนี้ ถึงกับถูกชายหนุ่มที่ดูเรียบเฉยไม่มีอะไรเลยคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า ใช้นิ้วมือจิ้มทีเดียวก็ล้มลงแล้ว!
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
“เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน?”
“ดูจากอายุเขาแล้ว น่าจะแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้นเอง!”
“เป็นไปได้ยังไงที่แข็งแกร่งขนาดนี้?”
“ผู้พิพากษาเฉินหย่ง……..เป็นถึงยอดฝีมือแดนยาทองที่จริงแท้แน่นอนเลยนะ…….”
“เจ้าเด็กนี่ถึงกับใช้นิ้วมือจิ้มไปทีเดียวก็ล้มผู้พิพากษาเฉินหย่งได้แล้ว พลังฝึกฝนของเขาถึงแดนไหนกันแน่?”
ไม่เพียงแต่คนที่มุงดูจำนวนมากพวกนั้น แม้แต่ติงหลิงที่โกรธแค้นเพราะถูกซัดจนกระเด็นลอยออกไปนั้น ตอนนี้ก็อึ้งไปหมด จนกระทั่งลืมความโกรธแค้นด้วยซ้ำไป
กลืนน้ำลายลงไปอย่างแรง ติงหลิงหันไปมองซิงเฟย แล้วจับแขนของซิงเฟยไว้ พูดด้วยเสียงแข็งว่า “เฟยเฟย หลินหยุนคนนี้เป็นใครกันแน่?”
“เขา………”
“เขาทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?”