จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1224
จางฟาฉายก็ไม่ได้ถามอะไรอีกต่อไป ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง แล้วก็เสนอราคาออกมา
สี่พันหยดชี่ทิพย์
นี่ทำให้ซิงเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เดิมทีเธอคิดว่า ราคาที่นี่จะต้องดีกว่าที่เมืองซิงหงอย่างแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ยังต่ำกว่าถึงสามร้อยชี่ทิพย์ด้วยซ้ำ
ซิงเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เถ้าแก่จาง ถ้าเป็นราคาอย่างนี้ งั้นเกรงว่าคงไม่สามารถขายให้กับร้านของท่านแล้วล่ะ!”
จางฟาฉายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นาง งั้นคุณอยากจะได้ราคาเท่าไรล่ะครับ?”
ซิงเฟยพูดว่า “หกพันหยดชี่ทิพย์!”
จางฟาฉายส่ายหน้าแล้วพูดว่า “สูงไป! อย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเราพบกันครึ่งทาง ต่างถอยคนละก้าว งั้นก็ห้าพันหยดชี่ทิพย์ก็แล้วกัน!”
สีหน้าของซิงเฟยรู้สึกดีขึ้นหน่อย พูดว่า “ได้เลย ก็ราคานี้แล้วกัน”
เจรจาซื้อขายสำเร็จแล้ว ซิงเฟยก็สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในของเมืองเทียนหยุน จางฟาฉายก็บอกเล่าให้ฟังทั้งหมด
ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกพอใจกันทั้งสองฝ่าย
……
เดินออกมาจากหอไป่เต้าแล้ว หลินหยุนและซิงเฟยก็มุ่งหน้าไปยังทางใต้ของเมือง
ทางใต้ของเมืองมีโรงเตี๊ยมเยว่หลายแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่ให้บริการผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหลายโดยเฉพาะ
พวกเขาไม่ได้สร้างเป็นห้องพักอะไรเลย แต่เป็นวิมาน
วิมานแต่ละแห่งนั้น ต่างก็มีค่ายกลรวมพลังอยู่ด้วย เหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนมากที่สุด แต่ว่าราคาก็สูงไม่เบาเช่นกัน
ในไม่ช้า ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยมเยว่หลายแล้ว
กำลังจะเข้าไป ก็มีชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มคนเดินมาทางนี้
หญิงสาวหนึ่งในนั้นเมื่อเห็นซิงเฟยแล้ว ก็รีบตะโกนเรียกว่า “เฟยเฟย? เป็นแกจริงๆด้วย! แกทำไมมาที่เมืองเทียนหยุนได้ล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงนั้นแล้ว ซิงเฟยก็รีบหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมอง
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว ซิงเฟยก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็พูดด้วยเสียงหัวเราะเบาๆว่า “ที่แท้ก็คือเสี่ยวหลิงนี่เอง!”
หญิงสาวและชายหนุ่มคนอื่นๆก็รีบเดินเข้ามาหา
พวกเขาก็มองสำรวจซิงเฟยและหลินหยุนจากหัวจรดเท้าเช่นกัน
เมื่อเห็นซิงเฟยแล้ว ต่างก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ แต่ว่าเมื่อมองดูหลินหยุน ที่แต่งกายแสนจะธรรมดาเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเซียนปรากฏออกมาเลย สายตาทุกคนต่างก็แสดงความรังเกียจเล็กน้อยออกมา
หญิงสาวที่ซิงเฟยเรียกเธอว่า“เสี่ยวหลิง”นั้น ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เฟยเฟย ฉันคิดไม่ถึงจริงๆเลย ถึงกับได้มาเจอแกที่เมืองเทียนหยุนนี้ ดีใจจริงๆเลย!”
ซิงเฟยก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ติงหลิง ดูท่าทางแกแบบนี้แล้ว น่าจะอยู่ที่สำนักเทียนหยุนได้ไม่เลวเลยสิ!”
ติงหลิง มาจากตระกูลติงแห่งเมืองเทียนเฟิง อายุก็ไล่เลี่ยกับซิงเฟย
ทั้งสองคนต่างก็โตมาด้วยกัน ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซิงกับตระกูลติง ไม่เลวเลย ดังนั้น ทั้งสองคนจึงสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
แต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนนั้น ตระกูลติงได้ทุ่มเงินไปจำนวนมาก เพื่อวิ่งเต้นส่งให้ติงหลิงเข้ามาฝึกฝนอยู่ที่สำนักเทียนหยุน
ประกอบกับพรสวรรค์ในการฝึกฝนของตัวติงหลิงเองก็ไม่เลว อีกทั้งยังเป็นคนที่ฉลาดเจ้าเล่ห์อีกด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่ายังไม่ได้เป็นศิษย์เอกของสำนักเทียนหยุนก็ตาม แต่ก็นับว่าอยู่กับสำนักเทียนหยุนได้อย่างมั่นคง
ติงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันนี่ไม่เท่าไหร่หรอก! ใช่แล้วเฟยเฟย ฉันขอแนะนำเพื่อนๆให้แกรู้จักหน่อย!”
“คนนี้ชื่ออู่เหลียน ศิษย์น้องเล็กของฉัน”
“นี่คือหลิ่วหยาง นี่คือถังเหมิง ต่างก็เป็นศิษย์น้องของฉันทั้งนั้น”
“ยังมีคนนี้……”
“คนนี้เก่งกาจน่าดูเลย ฉันจะบอกแกให้นะ ฐานะของคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
“เขาชื่อเจียงเผิง เป็นศิษย์พี่ของฉัน และก็ยังเป็นหลานของผู้อาวุโสที่สิบเอ็ดของสำนักเทียนหยุนพวกเราอีกด้วย!”
“ศิษย์พี่เจียงเผิงตอนนี้เพียงแค่อีกระดับหนึ่งเท่านั้น ก็สามารถเข้าสู่แดนกลั่นยาแล้ว เป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์เอกที่โดดเด่นเพียงไม่กี่คนของลูกศิษย์รุ่นหนุ่มสาวสำนักเทียนหยุนพวกเราเลยนะ!”
“ศิษย์พี่เจียงเผิงนะ คนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กของฉันชื่อซิงเฟย มาจากเมืองเทียนเฟิงเหมือนกับฉัน!”
เจียงเผิงในชุดเพ้ายาวสีขาวทั้งตัว ท่าทางดูสง่างามนั้น เมื่อได้ยินติงหลิงพูดเช่นนี้แล้ว สายตาก็แสดงความภาคภูมิใจออกมา
แล้วก็เดินออกมาหนึ่งก้าว โคงตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย มองไปยังซิงเฟยแล้วพูดว่า “แม่นางซิงเฟย กระผมเจียงเผิง ยินดีที่ได้รู้จักคุณ!”
ซิงเฟยก็พยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าเป็นการตอบรับ
หลังจากนั้น สายตาของติงหลิงก็มาตกอยู่ที่ตัวของหลินหยุนที่อยู่ข้างๆซิงเฟย
“เฟยเฟย คนที่อยู่ข้างๆแกคนนี้เป็นใครเหรอ? ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ?”
ซิงเฟยพูดว่า “เขาคือหลินหยุน เป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่ง!”
ติงหลิงได้ยินดังนั้น ก็พูดด้วยสายตาที่แปลกประหลาดว่า “เพื่อนเหรอ? เฟยเฟย ไม่ใช่มั้ง? พวกเราทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แกเป็นคนยังไงมีหรือที่ฉันจะไม่รู้?”
“ผู้ชายแบบไหนที่คู่ควรจะเป็นเพื่อนของเฟยเฟยอย่างแกได้ล่ะ อีกอย่างก็ยังมาที่เมืองเทียนหยุนด้วยกันด้วย!”
“แกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ คนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับแกกันแน่?”
“คงไม่ใช่เป็น………”
ซิงเฟยทำตาเขม็งใส่ติงหลิงทันที พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พูดซี้ซั้วอะไร? พวกเรารู้จักกันตอนที่ออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ก็เลยมาเป็นเพื่อนด้วยกันที่เมืองเทียนหยุน!”
คำพูดนี้ก็ไม่ได้พูดผิดอะไร ถึงแม้ว่าการรู้จักกันไม่ใช่อยู่ข้างนอก แต่อยู่ในตระกูลซิงก็ตาม
แต่จะบอกว่ามาเป็นเพื่อนด้วยกันก็ได้ ก็เป็นเพื่อนที่พบกันระหว่างทางจริงๆ
ติงหลิงได้ยินดังนั้น ก็เดินมาตรงหน้าหลินหยุน เดินวนรอบๆตัวหลินหยุนไปมา แล้วมองสำรวจหลินหยุนอย่างถี่ถ้วน
หลังจากนั้นก็พูดอย่างข่มขู่และเหยียดหยามเล็กน้อยว่า “คุณชื่อหลินหยุนใช่ไหม?”
“ฉันชื่อติงหลิง ฉันกับซิงเฟยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด!”
“เฟยเฟยยอมให้คุณมาอยู่กับเธอด้วย นั่นก็แสดงว่าเธอเห็นความสำคัญของคุณอย่างมาก!”
“เมื่อกี้เฟยเฟยแนะนำคุณแล้ว ก็ยังไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักหรอก!”
“ตอนนี้ฉันขอเตือนคุณก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม มีแต่เฟยเฟยที่ผิดต่อคุณได้ แต่คุณห้ามผิดต่อเธอเด็ดขาด!”
“ถ้าหากวันใดวันหนึ่งที่คุณผิดต่อเฟยเฟยพวกเรา แล้วให้ฉันรู้ล่ะก็ ฉันจะต้องให้คุณรู้สึกสำนึกเสียใจที่ได้มาถึงโลกใบนี้เลย!”
“อย่าคิดว่าฉันกำลังข่มขู่คุณนะ มีคำพูดคำหนึ่งที่ว่าอย่าหาว่าไม่เตือนล่วงหน้า ฉันหวังว่าคุณคงจำไว้นะ!”
พูดจบก็ไม่ไปมองหลินหยุนอีก จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับซิงเฟยว่า “เฟยเฟย พวกเราสองคนไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้ว ในเมื่อแกมาถึงเมืองเทียนหยุนแล้ว งั้นฉันก็จะต้องทำตัวเป็นเจ้าถิ่นที่ดี ไป ฉันจะพาแกไปกินของอร่อยๆ!”
พูดพลางก็จูงมือซิงเฟยเดินจากไป
เจียงเผิงที่อยู่ข้างๆก็เปิดปากพูดว่า “แม่นางซิง ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของศิษย์น้องเสี่ยวหลิง งั้นก็เป็นเพื่อนของพวกเราเหมือนกัน ในเมื่อมาถึงเมืองเทียนหยุนแล้ว งั้นก็ทำตามที่พวกเราวางแผนให้ก็แล้วกันนะ!”
ซิงเฟยรีบพูดว่า “ขอบคุณในความหวังดีของพวกคุณ ฉันว่าคงไม่ต้องยุ่งยากหรอก……”
ยังไม่ทันพูดจบ เจียงเผิงก็พูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า “แม่นางซิงอย่าได้คิดเช่นนั้นเลย! ไม่ได้มีอะไรที่ยุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากหรอก! ในเมืองเทียนหยุนนี้ คนแซ่เจียงก็ยังนับว่า เป็นคนที่พอกว้างขวางอยู่ แค่นี้เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางซิงกับศิษย์น้องเสี่ยวหลิงไม่ได้พบกันมานาน น่าจะมีเรื่องพูดคุยกันอีกมาก”
“แม่นางซิงก็อย่าได้ปฏิเสธเลย ทำตามที่พวกเราวางแผนให้ก็แล้วกัน!”
ซิงเฟยหันหน้าไปมองหลินหยุน ส่งสายตาสอบถามความเห็นจากหลินหยุน
ติงหลิงเห็นเช่นนั้นแล้ว เหลือบตามองบนด้วยอาการเซ็งทันที จากนั้นก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เฟยเฟย แกเปลี่ยนไปมากจริงๆเลยนะ! แกเริ่มสนใจความคิดเห็นของคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นี่ไม่ใช่ตัวแกเลยนะ!”
“เอาล่ะๆ อย่าลังเลอีกเลย! วันนี้ไม่ว่าแกจะพูดยังไงก็ต้องไปกับฉัน!”
พูดพลางก็ไม่สนใจว่าซิงเฟยยินยอมหรือไม่ ไม่ฟังอะไรอีกเลยก็แข็งขืนลากตัวซิงเฟยไปทันที
หลินหยุนส่ายหน้าเล็กน้อย ก็ได้แต่ก้าวเดินตามไป