จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1155
การเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวหลินหยุน ก็เหมือนกับแขนทั้งสองข้างของตาชั่ง
ถ้าชนะแล้ว!
ตระกูลหยุนก็จะกลับมาผงาดขึ้นใหม่อีกครั้ง!
ถ้าแพ้แล้ว!
มีความเป็นไปได้มากที่ตระกูลหยุนจะล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปเลย!
แต่ว่าเขายังคงตัดสินใจที่จะเดิมพันสักครั้งหนึ่ง!
แทนที่จะรอความตายอย่างช้าๆ แล้วหันมาสู้ให้ถึงที่สุดไม่ดีกว่าเหรอ!
หลินหยุนยื่นมือไปรับชี่ทิพย์ไว้ แล้วมองไปไป่เหอที่อยู่บนเวที “จะประมูลต่อได้หรือยังล่ะ?”
ไป่เหอยิ้มเล็กน้อย “ได้แน่นอนเลยค่ะ!”
พูดพลางเธอก็มองไปยังฉู่เทียนและฉื้อซานแล้วพูดว่า “ทั้งสองท่าน ยังจะเสนอราคาประมูลอีกหรือไม่คะ?”
ฉู่เทียนสีหน้าแลดูน่าเกลียดยิ่งนัก
ในตัวของเขา ก็มีน้ำชี่ทิพย์เพียงสองหมื่นหยดเท่านั้นเอง!
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เสนอราคาประมูลใหม่อีก ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ฉื้อซานมองไปยังหลินหยุน แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไอ้หนู ของบางอย่างไม่ใช่คนอย่างแกจะสามารถเอาไปได้!”
“ในบางครั้ง ของวิเศษมันสำคัญมากก็จริง!”
“แต่ชีวิตตัวเองกลับสำคัญยิ่งกว่า!”
หลินหยุนทำเสียงฮื่อใส่ “มดตัวน้อยอย่างแก ก็ยังกล้าจะมาคุยโวต่อหน้าฉันเหรอ?”
“แม้แต่ค่ายกลของวิลล่าจินก็ยังไม่สามารถทำลายได้เลย!”
“ไสหัวไป!”
ฉื้อซานโกรธจัด สีหน้าบึ้งตึงมาก กัดฟันแล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าหนู แกคิดว่าฉันทำลายค่ายกลของวิลล่าจินนั้นไม่ได้งั้นเหรอ?”
“จะบอกแกให้ ฉันเพียงแต่รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต่างหาก!”
“ฮื่อ ตอนนี้หินคริสทัลฟ้านี้ให้แกเอาไปก็แล้วกัน”
“ฉันจะให้แกรู้ว่า อะไรเรียกว่ามีชีวิตเอาของวิเศษไปได้ แต่กลับไม่มีชีวิตที่จะเอาไปใช้!”
พูดพลางก็หันไปมองฉู่เทียนแล้วพูดว่า “ศิษย์น้อย พวกเราไปเถอะ!”
ทั้งสองคนก็ก้าวเดินออกไปจากที่จัดงานประมูล
ฉินชิงถงก็รีบเดินตามหลังไป
เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าหลินหยุนแล้วหยุดลง มองไปยังหลินหยุนด้วยความเกลียดชัง “หลินหยุน คุณจะต้องชดใช้ในความยโสโอหังของคุณอย่างสาสม!”
หลินหยุนพูดเยาะเย้ยว่า “ฉินชิงถง วิสัยทัศน์ของคุณ กำหนดให้คุณเป็นได้แค่กบในกะลาเท่านั้นเอง!”
“ในสายตาของคุณแล้ว ฉันอาจจะยโสก็จริง!”
“แต่ว่าคุณจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า คุณกำลังพูดอยู่กับใครอยู่!”
“ฉันไม่อยากจะถือสาคุณเพราะว่าเห็นแก่แม่ของคุณเท่านั้นเอง!”
“แต่ว่า อย่าได้คืบจะเอาศอก!”
พอพูดจบ ก็ไม่หันไปมองฉินชิงถงอีก หันหลังแล้วเดินไปบนเวทีงานประมูล
ส่งมอบหยดน้ำชี่ทิพย์ไปให้ แล้วเอาหินสังเวยจิตเก็บไว้ในถุงผ้า
จากนั้นก็พาหยุนหลานและหยุนถิงสองคนพ่อลูก เดินออกจากหอไป่เต้าไปท่ามกลางสายตาที่สนใจของทุกคน
เมื่อเดินออกมาถึงข้างนอก สายตาของหลินหยุนส่องประกายวาววับ แล้วหยุดเดินทันที
กระแสกลิ่นอายรุนแรงสองสายก็ล็อกตัวเขาเอาไว้
หยุนหลานก็รีบพูดว่า “เป็นอะไรเหรอ?”
หลินหยุนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ! ฉันยังมีธุระจะต้องไปจัดการก่อน!”
พอพูดจบ เงาร่างก็เหาะลอยขึ้นกลางอากาศ มุ่งหน้าไปยังข้างนอกเมือง
ในไม่ช้า ลำแสงสีเขียวทั้งสองก็ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนส่งเสียงฮื่อแล้วหยุดตัวลง
ลำแสงสีเขียวทั้งสองก็แยกย้ายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซ้ายขวาทันที
ทั้งสองคนนี้ก็คือฉื้อซาน และยังมีชายวัยกลางคนไว้หนวดคนนั้น
ฉื้อซานกวาดสายตามองไปยังชายวัยกลางคน แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันนึกว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้าตัวแสบจากวิหารผนึกวิญญาณนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้ทำตัวลับๆล่อๆ!”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ฉื้อซาน แกกำลังรนหาที่ตาย! รอให้ฉันจัดการเจ้าเด็กนี้ก่อน แล้วจะมาจัดการกับแกทีหลัง!”
ฉื้อซานพูดเยาะเย้ยว่า “อู๋หุน เจ้าเด็กนี่แย่งหินคริสทัลฟ้าของฉันไป! ถ้าแกฆ่าเขาแล้ว งั้น หินคริสทัลฟ้านี้ก็จะกลายเป็นของแกแล้วสิใช่ไหมล่ะ?”
“แกนี่ช่างดีดลูกคิดได้ดังดีจัง!”
ในเวลานี้เอง ก็มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาประมาณสิบกว่าสายพุ่งเข้ามาจากเมืองมี่หยุน
แต่ว่ากลับไม่ได้เข้ามาใกล้
หยุดอยู่ที่ที่ห่างไกลออกไป
กลุ่มคนพวกนี้ บางคนก็เป็นเจ้าบ้านของแต่ละตระกูลใหญ่
บางคนก็เป็นยอดฝีมือที่พาคนรุ่นหลังของตระกูลมาสมัครเข้าร่วมประเมิน เนื่องจากการ ประเมินผลงานของสำนักสุริยันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ก็ได้เห็นหลินหยุนทั้งสามคนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ กำลังจะเกิดการสู้รบกันขึ้น
ฉื้อซานและอู๋หุนที่กำลังถกเถียงกันว่าใครจะเป็นคนลงมือฆ่าหลินหยุนก่อน ทุกคนต่างก็พูดไม่ออก
“คราวนี้มีละครดีๆให้ดูอีกแล้ว!”
“ฮาๆ ฉื้อซานและอู๋หุนต่างก็อยากจะฆ่าหลินหยุน วันนี้เจ้าเด็กนี่คงรอดไปได้ยากแล้ว!”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ!”
“เจ้าเด็กหลินหยุนนี้ มีพรสวรรค์สุดยอดจริงๆ!”
“อายุน้อยแค่นี้ ก็มีพลังความสามารถที่จะต่อกรกับแดนยาทองได้แล้ว!”
“ถ้าให้เขาเติบโตต่อไปอีกละก็ อีกไม่นาน ก็คงจะต้องโด่งดังไปทั่วโลกคุนชางอย่างแน่นอน!”
“แต่ตอนนี้กลับมามีเรื่องกับสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณเสียก่อน งั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดอีกแล้ว!”
“นี่จะไปโทษคนอื่นไม่ได้หรอก!”
“อาศัยพลังฝึกฝนที่แข็งแกร่งของตัวเอง ก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย!”
“ถ้าตายไปก็สมน้ำหน้าแล้ว!”
“ถูกต้อง!”
“ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงทุกวันนี้มีอัจฉริยะเกิดขึ้นมากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถเติบโตต่อไปได้จริงๆ?”
“แต่ก็ไม่แน่หรอก!”
“เบื้องหลังของเจ้าเด็กนี่เกรงว่าคงจะไม่ธรรมดาทีเดียว!”
“ลองคิดดูสิ ถ้าหากไม่ใช่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดีเยี่ยมแล้ว จะสามารถสอนให้เป็นอัจฉริยะอย่างนี้ออกมาได้เหรอ?”
“อาจไม่แน่ว่ามีใครหนุนหลังอยู่ก็ได้!”
“ไม่เห็นเหรอว่าถึงเวลานี้แล้ว เจ้าเด็กคนนี้ยังคงสงบนิ่งได้ขนาดนี้เลย?”
คนที่อยู่ด้านล่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
ท่ามกลางอากาศนั้น อู๋หุนก็หัวเราะเยาะอีกครั้งหนึ่ง
มองไปยังฉื้อซานแล้วพูดว่า “ก็ได้ งั้นฉันจะให้โอกาสแกอีกสักครั้ง ให้แกลงมือก่อนก็แล้วกัน!”
ฉื้อซานกลับไม่รับความหวังดี พูดเยาะเย้ยถากถางว่า “อู๋หุน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกกำลังคิดแผนอะไรอยู่!”
“คิดอยากจะเป็นตาอยู่คอยนั่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลังใช่ไหม?”
“งั้นก็ต้องดูว่าแกมีความสามารถเช่นนั้นหรือเปล่า!”
สายตาหลินหยุนมองไปยังทั้งสองคน แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว พวกแกมดทั้งสองตัวลงมือพร้อมกันเลย! ฉันไม่อยากจะเสียเวลา!”
ฉื้อซานและอู๋หุนเมื่อได้ยินแล้ว ก็โกรธจัดขึ้นมาทันที
ฉื้อซานสีหน้าบูดบึ้งตะโกนพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ไอ้หนู ในเมื่อแกรีบที่จะไปตาย งั้นฉันก็จะให้แกได้สมหวังเลย!”
พูดพลางก็พลิกฝ่ามือขึ้น
ค้อนสีดำขนาดใหญ่ด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ
ค้อนนักรบปรากฏขึ้น ทำให้อากาศทั่วท้องฟ้าหยุดนิ่งไปชั่วขณะทันที
ยอดฝีมือที่กำลังมุงดูอยู่นั้น บางคนที่พอมีความรู้บ้าง ต่างก็เบิ่งตาโตและอ้าปากค้างทันที
“นี่…..นี่คือค้อนมหาจักร หนึ่งในของวิเศษทั้งห้าของสำนักสุริยัน!”
“พลังจู่โจมของค้อนมหาจักรไร้เทียมทาน เครื่องรางทิพย์ระดับกลางที่เป็นของแท้แน่นอน พลังบุกโจมตีของมัน ยังเหนือกว่าเครื่องรางทิพย์ระดับสูงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไป!”
“คิดไม่ถึงเลยว่า ของวิเศษประจำสำนักสุริยันชิ้นนี้ถึงกับอยู่ในมือของฉื้อซานได้!”
“คราวนี้ไม่ต้องคาดเดาอะไรอีกแล้ว!”
“เดิมทีคิดว่า พลังการสู้รบของฉื้อซาน อาจไม่แน่อยู่ในระดับเดียวกับหลินหยุนเจ้าเด็กนี่ แม้แต่คิดจะเอาชนะก็ยังมีขีดจำกัดเลย”
“แต่ตอนนี้ หลินหยุนนี้ไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว!”
อย่างน้อยที่สุด ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่วิลล่าจินนั้น
เผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ค่ายกลของวิลล่าจิน
ฉื้อซานเลือกที่จะถอยหนีไป
ส่วนหลินหยุนนั้นกลับทำลายค่ายกลจนแตกละเอียดด้วยกระบวนเพลงเดียวเท่านั้น
ในเวลานี่เอง
ค้อนมหาจักรก็เปล่งประกายแสงสว่างจ้าออกมา กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวยากที่จะหาเทียบได้ก็กระจายออกไปทั่ว
สายตาของฉื้อซานมองไปยังหลินหยุน แล้วตะคอกด้วยเสียงเข้มว่า “เจ้าเด็กน้อยที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตอนนี้ฉันก็จะให้แกรู้ว่า อะไรคือยอดฝีมือที่แท้จริง! ไปตายซะ!”
พอสิ้นเสียง ค้อนมหาจักรก็ระเบิดออกไปทันที
พลังงานมหาศาลที่สามารถถล่มฟ้าดินได้นั้น ก็มุ่งตรงไปยังหลินหยุน
พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีทันที
คนที่มุ่งดูทั้งหมดต่างก็ตื่นเต้น
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“นี่ก็คือพลังรุนแรงของค้อนมหาจักร!”
“พลังแรงของกระบวนท่านี้ของฉื้อซาน เหนือกว่าแดนยาทองระดับห้าอย่างแน่นอน!”
“อย่าว่าแต่เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างหลินหยุนเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือในแดนยาทอง ที่แท้จริงก็รับไม่ไหวอย่างแน่นอน!”
“ดูเร็ว เจ้าเด็กนี้ถึงกับไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย สงสัยตกใจจนเสียสติไปแล้ว!”
“คิดไม่ถึงว่า จะจบได้เร็วขนาดนี้!”
“ยังไม่ทันแสดงฝีมือแม้แต่กระขบวนท่าเดียวเลย!”
“ฮ่าๆๆ นี่ก็คือผลกรรมของการยโสโอหัง!”
“ทุกอย่างก็เพราะการกระทำของตัวเขาเองทั้งนั้น!