จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1141
ฉินเหมยเห็นว่า หลินหยุนหัวแข็งดื้อรั้นเกินไปหน่อย!
แก่นแท้ของความดื้อรั้นก็คือความหยิ่งผยอง
ความหยิ่งผยองที่มาจากส่วนลึกภายในจิตใจ
แม้ว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอพบเห็นหลินหยุน
หลินหยุนจะมีลักษณะท่าทางที่สุภาพอ่อนน้อม
แต่ทั้งหมดนั้นมันเป็นเพียงแค่เปลือกนอก
ตอนนี้เธอพบกับความจริงว่า ที่จริงแล้ว หลินหยุนนั้นเป็นคนที่มีความหยิ่งผยองมาจากส่วนลึกภายในจิตใจ
แต่เธอก็สามารถที่จะเข้าใจได้
เพราะว่าเขาอายุยังน้อย
อีกทั้งยังมีพลังความสามารถที่สามารถต่อสู้เอาชนะยอดฝีมือระดับขั้นยาทองได้!
ซึ่งถือเป็นบุคคลผู้มีพรสวรรรค์อัจฉริยะที่ล้ำค่าและหาได้ยากเลยทีเดียว
บุคคลอัจฉริยะล้วนแล้วแต่มีความหยิ่งผยอง
ล้วนแต่ทะเยอทะยานใฝ่สูง
แต่ถ้าหากมีความหยิ่งผยองมากเกินไป นั่นก็คงไม่ใช่แค่หยิ่งผยองเท่านั้นแล้ว มันคือความโอ้อวด
ฉินเหมยถอนหายใจ
หากคิดที่จะลองตักเตือนสักครั้งคงจะเป็นไปได้ยาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงทำได้เพียงแค่คิดหาวิธีด้วยตนเองแล้ว
ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้เรียกตนเองว่าน้าฉินแล้ว ก็จะต้องไม่ปล่อยให้เขาเกิดเรื่องขึ้นโดยเด็ดขาด
หากเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คงยากที่จะอธิบายชี้แจงให้กับ ทางอาหญิงสามนั้น
คิดถึงจุดนี้ ฉินเหมยก็มองไปที่หลินหยุนและพูดขึ้นว่า “อย่างนั้น น้าฉินก็ไม่รบกวนเธอแล้ว เสี่ยวหยุนพักผ่อนแล้วกัน! หากต้องการอะไร ก็บอกน้าฉินมาได้เลย! ”
หลินหยุนพยักหน้า “งั้นก็ต้องรบกวนน้าฉินด้วยแล้ว! ”
เมื่อส่งน้าฉินกลับไปแล้ว หลินหยุนก็กลับมายังห้องและบำเพ็ญฝึกฝนต่อไป
เขาสังเกตเห็นถึงความกังวลใจของน้าฉิน
แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะพูดด้วยปากเปล่าแล้วสามารถพูดเตือนได้สักหน่อย
หลินหยุนไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเหล่านี้อีก สงบจิตสงบใจแล้วก็บำเพ็ญฝึกฝนต่อไป
ในโลกคุนชาง ชี่ทิพย์มีระดับความหนาแน่นมากกว่าที่ทะเลสาบเยว่หยาของเขา
ความเร็วในการบำเพ็ญฝึกฝนก็รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงทะเลสาบเยว่หยา หลินหยุนก็ค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
“ฉันเข้ามาสู่โลกคุนชางนี้ ได้สักระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง! ”
“คงจะไม่มีเรื่องราวที่เลวร้ายอะไรเกิดขึ้นอีก”
“มีซูจื่อเหลียง ซูหนัน รวมถึงคุณปู่อยู่ ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาก็เพียงพอที่จะรับมือได้แล้ว! ”
ไม่ต้องพูดถึงซูจื่อเหลียงกับซูหนันแล้ว
ตามระดับขั้นการบำเพ็ญบู๊ พูดได้ว่าพวกเขาเป็นถึงยอดฝีมือแดนเทพโดยสมบูรณ์แล้ว
ส่วนคุณปู่หลินซื่อเฉิง แม้ว่าจะเริ่มต้นค่อนข้างช้า แต่พรสวรรค์ในการบำเพ็ญฝึกฝนนั้นแม้แต่
หลินหยุนเองก็ยังตกตะลึง
หลินหยุนที่เป็นถึงกษัตริย์เซียน ผจญภัยไปทุกแห่งทุกแห่งมานับไม่ถ้วน ผู้ที่มีพรสวรรค์อัจฉริยะแบบไหนที่ไม่เคยพบเห็น?
ต่อให้เป็นแบบนี้แล้ว เขาก็ยังคงตื่นตะลึงกับคุณปู่หลินซื่อเฉิงอยู่เช่นเคย
เชื่อมั่นว่าหากเวลาผ่านไปอีกสักหน่อย คงจะเหนือกว่าซูจื่อเหลียงกับซูหนันได้ไม่ยาก
มีพวกเขาทั้งสามคนอยู่ เขาเองก็สามารถวางใจได้แล้ว
“โลกคุนชางนี้ ชี่ทิพย์หนาแน่นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะมีเทือกเขาทิพย์อยู่หรือไม่”
“ถ้าหากสามารถได้หินทิพย์มาจำนวนหนึ่ง อย่างนั้นจะเป็นการช่วยส่งเสริมอย่างมาก ต่อการบำเพ็ญฝึกฝนของฉันในอนาคต! ”
“นอกจากนี้ ยังจะต้องตามหาสถานที่ล้ำค่าที่อุดมด้วยพลังพิเศษ หรือว่าสถานที่กำเนิดของวิเศษอะไรประเภทนี้ด้วย”
หลินหยุนในตอนนี้ ไม่ขาดแคลนวิธีการบำเพ็ญฝึกฝน
แต่เขากลับขาดแคลนทรัพยากรที่ใช้ในการบำเพ็ญฝึกฝน
ซึ่งรวมไปถึงเครื่องรางและของวิเศษที่ถนัดมือ
ในตอนนี้เขามีเพียงดาบเฮ่าเทียนและกระจกเฮ่าเทียน
ของล้ำค่าสองชิ้นนี้ มีพลังอานุภาพมหาศาลก็จริง แต่ถ้าจะพูดว่าถนัดมือไหม ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจกเฮ่าเทียน ก็ยังคงถือว่าไม่สมบูรณ์อย่างชัดเจน
ซึ่งเมื่อใช้งานขึ้น ในขณะที่ขั้นแดนของเขายังไม่ถึง ก็จะทำให้เขาสูญเสียพละกำลังไปอย่างมาก
“วันนี้ออกไป เดินเล่นในเมืองมี่หยุนมาหนึ่งรอบ”
“แต่ก็ไม่พบสิ่งล้ำค่าอะไรอะไรเลย! ”
“ดูเหมือนว่า เมืองมี่หยุนนี้ค่อนข้างจะธรรมดา! ”
“โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหนจะมีสิ่งที่ล้ำค่ามากกว่าพวกสิ่งเหล่านี้! ”
ช่วงเช้าในตอนที่เขากับฉินชิงถงและเมิ่นหยู่เดินเล่นอยู่ในตลาดนั้น หลินหยุนเองก็ได้มองดูสิ่งของบางอย่าง
แต่สิ่งของที่เข้าตาเขานั้น กลับไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว
แน่นอนว่า ต่อให้มี เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะซื้อ
เงินที่ใช้กันในโลกคุนชางนี้ คือเหรียญประเภทหนึ่ง
นอกเหนือจากเงินเหรียญแล้ว ก็จะใช้น้ำชี่ทิพย์ในการแลกเปลี่ยนค้าขาย
น้ำชี่ทิพย์คือสิ่งที่หลังจากผู้บำเพ็ญฝึกฝนได้ดูดซับชี่ทิพย์เข้าไปแล้ว จะอาศัยพลังการบำเพ็ญ
ของตนเอง ในการบีบอัดหรือสกัดออกมา
สำหรับผู้บำเพ็ญฝึกฝนแล้ว สามารถที่จะดูดซับเข้าไปได้ง่าย
แต่การสกัดน้ำชี่ทิพย์นั้นไม่ใช่ว่าจะกระทำได้โดยง่าย
ยอดฝีมือที่เพิ่งจะถึงขั้นแดนยาทอง แม้ว่าจะไม่ได้บำเพ็ญฝึกฝนมาทั้งวัน ก็สามารถสกัดได้เพียงสามสิบถึงห้าสิบหยดเท่านั้น
แต่เครื่องรางชั้นสูงชิ้นหนึ่ง จะต้องใช้ประมาณห้าร้อยหยดถึงแปดร้อยหยดเลยทีเดียว
หากมีระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีก ก็เกรงว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ดังนั้น หลินหยุนก็ไม่ได้คิดที่จะเดินในเส้นทางการสกัดน้ำชี่ทิพย์ด้วยตนเองแบบนี้
เพราะสิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างมาก
สำหรับเขาแล้ว แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงเล็กน้อย ล้วนแต่มีความสำคัญล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ในขณะที่หลินหยุนกำลังบำเพ็ญฝึกฝนอยู่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตึกจุ้ยซิงในช่วงกลางวันนั้น ได้ร่ำลือโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองมี่หยุนแล้ว
ท่านจินต้องการให้คุณชายและคุณหนูของสิบกว่าตระกูลที่นำโดยฉู่เทียน แบ่งสันที่ว่างของตึกจุ้ยซิงออกมาให้สักเล็กน้อย
แต่คุณชายฉู่เทียนได้ตอบปฏิเสธ
จึงทำให้ท่านจินเกิดความโมโหอย่างมาก
เลยสั่งให้จับกุมตัวฉู่เทียนรวมถึงพวกคุณชายและคุณหนูทั้งหมดเอาไว้
อีกทั้ง ต่อให้ฉู่เทียนอ้างชื่อสำนักสุริยันแล้ว ท่านจินเองก็ยังคงไม่ไว้หน้า
ในขณะนี้เอง เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน รู้แต่เพียงว่าชื่อหลินหยุน ได้ติดตามอยู่ที่ข้างกายของฉินชิงถงที่ซึ่งเป็นคุณหนูของจวนฉิน
โดยไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ได้มายืนออกหน้าอย่างไม่รู้จักความเป็นความตาย
ขณะที่ทุกคนต่างคิดกันว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อหลินหยุนนี้ จะถูกท่านจินลงมือจัดการจนน่าเวทนานั้น
คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถจัดการเฉินชิงสุ่ยผู้ที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องของท่านจินจนบาดเจ็บสาหัสได้
ซึ่งทำเอาทุกคนถึงกับตะลึงไปกันหมด
จากนั้น ท่านจินยอดฝีมือขั้นแดนยาทองก็ได้ลงมือด้วยตนเอง
โดยเขาใช้กระบวนท่าตะปูขังวิญญาณไร้ที่ติที่ทรงพลังอานุภาพอย่างที่สุด
แต่ก็ไม่ได้ทำให้หลินหยุนบาดเจ็บแต่อย่างใด
หลินหยุนกลับสามารถที่จะรวบเก็บตะปูขังวิญญาณได้อย่างง่ายดาย แล้วก็โยนเล่นอยู่ในมือ
ภาพเหตุการณ์นี้ ทำเอาทุกคนตกตะลึงกันจนอ้าปากค้าง
สุดท้าย ท่านจินเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือแล้ว
ปล่อยตัวพวกคุณชายและคุณหนูเหล่านั้น ออกไปจากตึกจุ้ยซิงอย่างปลอดภัย
แต่ว่า ท่านจินได้เอ่ยคำพูดที่ดุดันรุนแรงเอาไว้
เรื่องนี้ จะไม่สามารถยุติลงได้ด้วยดีอย่างเด็ดขาด
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร
เด็กหนุ่มอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งระดับนี้ได้
โดยปะทะกับท่านจินอย่างซึ่ง ๆ หน้า และยังกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากเลยทีเดียว
เพียงครู่เดียว ชื่อของหลินหยุน ก็เป็นที่ร่ำลือโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองมี่หยุนอย่างรวดเร็ว
แต่หลินหยุนผู้นี้ถึงแม้ว่าจะเก่งกาจ
แม้ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์อัจฉริยะ
แต่หลายคนต่างรู้สึกว่าเขาหยิ่งยโสโอ้อวดเกินไป
ผู้คนจำนวนมากที่ระดับสังคมไม่สูงนั้น จะไม่ทราบถึงพื้นเพภูมิหลังของท่านจิน
แต่ตระกูลใหญ่ในเมืองมี่หยุน เข้าใจรับรู้อย่างชัดเจน
ผู้ที่แม้แต่สำนักสุริยันก็ยังไม่ไว้หน้าให้เกียรติกันนั้น จะใช่คนธรรมดาที่ไหนกันล่ะ?
หากเป็นจริงดั่งที่พูดนั้น เกรงว่าเขาคงจะต้องตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ดังนั้น คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะพวกคนตระกูลใหญ่เหล่านั้น สายตาของพวกเขาต่างก็จดจ้องมายังคนของตระกูลฉิน หลินหยุน และท่านจิน
มีคนจำนวนไม่น้อย ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับตระกูลฉินนี้
เพราะว่าหากเมื่อท่านจินลงมืออีกครั้ง ตระกูลฉินที่มีความเกี่ยวข้องกับหลินหยุน ก็จะต้องถูกโยงเข้ามาพัวพันด้วย
ดังนั้น จึงมีผู้ที่เป็นกังวล
ส่วนผู้ที่หัวเราะเยาะก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
สรุปแล้ว คนจำนวนมากต่างก็แสดงท่าทีว่ากำลังดูละคร รอคอยว่าท่านจินจะทำอย่างไรต่อไป
เดินออกมาจากที่พักของหลินหยุน
ฉินเหมยก็เร่งรีบจัดเตรียมของขวัญจำนวนมาก
แม้ว่าหลินหยุนจะไม่เห็นด้วย ในการที่จะให้เขาไปแสดงความขอโทษต่อท่านจินด้วยตนเอง
นั่นเป็นเพราะหลินหยุนไม่ทราบถึงความสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
แต่ในฐานะที่เธอเป็นผู้อาวุโส ไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยไปได้
แต่ว่าในขณะนี้เอง พ่อบ้านชราฉินเย่ก็เดินมาหาด้วยสีหน้าท่าทางที่หนักอกหนักใจ