จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ บทที่ 1119
อึ้งไปสักครู่หนึ่ง ประธานาธิบดีจึงเอ่ยปากพูดอีกครั้งว่า “ส่งคนไปจับตาดูต่อไป ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น รีบมารายงานด่วนด้วย!”
“อีกอย่าง รีบติดต่อกับหลินหยุนต่อไป!”
“เมื่อไหร่ที่เขาสิ้นสุดการเก็บตัวแล้ว!”
“ก็รีบบอกเรื่องนี้ให้เขาฟังโดยด่วนเลย!”
ท่านหงก็รับคำสั่งแล้วจากไป
ส่วนตระกูลหวางในขณะนี้ ก็กำลังเปิดประชุมของตระกูลอย่างเร่งด่วนเช่นกัน
ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของตระกูลหวางตอนนี้ แม้แต่บางคนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ต่างก็รีบกลับมาเข้าร่วมประชุมด้วย
หวางโส่วหลี่พูดว่า “วันนี้เชิญทุกคนกลับมาร่วมประชุมของตระกูล เรื่องที่จะประชุมนั้น ทุกคนต่างก็รู้กันแล้ว!”
“สำนักฉีเทียนจู่ๆก็ได้แจ้งเกิดขึ้นมา!”
“หลังจากที่ได้สังหารเจียงร่อโจ๋เทพแห่งสงคราม แล้วก็ยังทำลายหน่วยรบเมคารุ่นที่สองที่น่าสะพรึงกลัวของอเมริกาอีกด้วย!”
“ไม่เพียงแต่เท่านี้ ก็ยังสังหารยอดฝีมือแดนเทพของโลกบู๊อีกจำนวนมากด้วย!”
“ดูจากท่าทีการแสดงออกที่ก้าวร้าวของเจ้าสำนักทั้งสองของสำนักฉีเทียนแล้ว!”
“พลังฝึกฝนของทั้งสองคนนั้น เกรงว่าแม้แต่หลินหยุน ก็ยังไม่มีทางที่จะสู้รบชนะได้เลย!”
“ตอนนี้ ก็ยังมีตระกูลจำนวนไม่น้อยต่างก็เลือกไปสวามิภักดิ์ต่อสำนักฉีเทียนแล้ว!”
“นี่ก็เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของตระกูลหวางเรา!”
“ขอเพียงให้ตระกูลหวางเราสามารถเกาะติดที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งอย่างสำนักฉีเทียนเช่นนี้ไว้ได้ละก็ เช่นนั้นแล้วไม่ว่าหลินหยุนจะเป็นยังไงก็ตาม ตระกูลหวางเราก็จะต้องสามารถฟื้นฟูความรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างแน่นอน!”
“ดังนั้นพวกเราก็ได้จัดประชุมเล็กๆขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว ได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แล้วว่าจะเลือกไปสวามิภักดิ์ต่อสำนักฉีเทียนแล้ว!”
“ตอนนี้ ขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาบ้าง!”
พอสิ้นเสียงของหวางโส่วหลี่แล้ว ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เจ้าบ้านครับ ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้!”
“เพียงแต่ว่าตอนนี้มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง!”
“สำนักฉีเทียนนั้นตอนนี้เหิมเกริมยโสโอหังมาก!”
“แล้วจะยอมรับการสวามิภักดิ์ของพวกเราตระกูลหวาง อย่างที่พวกเราหวังไว้เหรอ?”
หวางเจ๋อที่อยู่ข้างๆหวางโส่วหลี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาชายโส่วเย่ ประเด็นนี้สามารถวางใจได้เลย!”
“เจ้าสำนักทั้งสองของสำนักฉีเทียนนั้น เป็นผู้บำเพ็ญเซียน งั้นก็ย่อมต้องการแหล่งเงินทุนจำนวนมากอย่างแน่นอน!”
“พวกเขาไม่สามารถที่จะออกไปหาด้วยตัวเองได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ลูกน้องไปทำงานด้านต่างๆจำนวนมากมาย!”
“ตระกูลหวางเรามีเงื่อนไขเพียบพร้อมทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการแล้ว!”
“ดังนั้น คาดว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาเลย!”
เมื่อได้ยินหวางเจ๋อพูดเช่นนั้นแล้ว ทุกคนต่างก็พยักหน้า
ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากพูดว่า “เรื่องนี้ สำหรับพวกเราตระกูลหวางแล้ว มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียเลยแม้แต่นิดเดียว!”
“แต่ฉันเป็นห่วงว่า ได้ข่าวว่าสำนักฉีเทียนได้รับลักพาตัวหวางซูเฟินและฉินหลันไปแล้ว!”
“เมื่อไหร่ที่หลินหยุนออกจากการเก็บตัวแล้ว ก็จะต้องมีเกิดการสู้รบกันขึ้นอย่างแน่นอน!”
“ถ้าหากตระกูลหวางเราเลือกข้างตอนนี้แล้ว ถึงเวลานั้นถ้าหากหลินหยุนรบชนะ…..”
หวางเจ๋อทำเสียงฮื่อใส่ พูดอย่างไม่แยแสว่า “คุณปู่รองครับ หลินหยุนเจ้าเดียรัจฉานนั่นคงทำให้ท่านตกใจกลัวจนสติแตกไปแล้วใช่ไหม?”
“เจ้าสำนักทั้งสองของสำนักฉีเทียนนั้น ก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกัน!”
“อีกอย่างดูจากยอดฝีมือแดนเทพหลายคนที่ไปหาเรื่องแล้ว ยังมีหน่วยรบเมคารุ่นที่สอง ของอเมริกาด้วย!”
“ก็มีแต่จะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเดียรัจฉานนั่นเสียอีก!”
“ไม่มีทางที่จะด้อยกว่าเลย!”
“ปู่รองวางใจได้เลย!”
“ถ้าหากพวกเราตอนนี้ไม่ไปสวามิภักดิ์ละก็ ช้าอีกหน่อย คนอื่นเขาก็คงไม่ต้องการพวกเราอีกแล้ว!”
ทุกคนก็ครุ่นคิดอีกครู่หนึ่งแล้วต่างก็พยักหน้าอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม สิ่งที่ผู้คนตระหนักเห็นความสำคัญก็คือ การช่วยเหลือตอนที่ตกทุกข์ได้ยากย่อมต้องดีกว่าคำสรรเสริญเยินยอในขณะที่รุ่งเรืองเสมอ!
ตอนนี้คนที่คิดอยากจะซุกปีกสำนักฉีเทียนก็ย่อมต้องมีจำนวนมากมายเป็นธรรมดา
หากช้าไปก้าวเดียวละก็ รอให้กำลังคนของคนอื่นเต็มไม้เต็มมือแล้วละก็ คนอื่นจะไปสนใจตระกูลหวางเป็นใครมาจากไหนอีกเหรอ?
เมื่อเห็นทุกคนต่างก็พยักหน้า หวาโส่วหลี่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ตกลง ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน งั้นก็ตัดสินตามนี้แล้วกัน!”
จากนั้นก็หันไปมองหวางเจ๋อที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “หวางเจ๋อ เรื่องนี้มอบให้คุณเป็นคนจัดการด้วย! แล้วจะต้องจัดการให้ดีด้วย!”
หวางเจ๋อรีบพูดว่า “เจ้าบ้านโปรดวางใจเถอะ! ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสทุกท่านต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!”
พูดจบ ก็รีบเดินออกไปจากห้องประชุมทันที
หลังจากออกจากห้องประชุมแล้ว หวางเจ๋อก็พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังสำนักฉีเทียนทันที
หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว ตระกูลหวางก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะสวามิภักดิ์ต่อสำนักฉีเทียนแล้ว
หวางเจ๋อก็ยังคงอยู่ในสำนักฉีเทียนต่อไป กลายเป็นเด็กรับใช้ของเจ้าสำนักทั้งสอง คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย!
เมื่อข่าวคราวนี้แพร่กระจายออกมาก็ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกช็อกกันไปหมด
เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงตอนนี้ สำนักฉีเทียนไม่เคยรับลูกศิษย์ชายที่ไหนเลยแม้แต่คนเดียว
ล้วนแต่เป็นสตรีเพศทั้งนั้น!
อีกทั้งยังเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามอีกด้วย!
หวางเจ๋อคนนี้ นับว่าเป็นคนแรกเลยทีเดียว!
ชั่วพริบตาเดียว ตระกูลหวางก็กลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจบารมีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ว่าในเวลานี้เอง ประตูด้านนอกของสำนักฉีเทียนนั้น มีเงาร่างสามคนปรากฏขึ้นมาแล้ว
การปรากฏตัวขึ้นของทั้งสามคนนี้ ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่อยู่นอกสำนักเป็นจำนวนมาก
คนพวกนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นยอดฝีมือขอโลกบู๊ชาวจีนทั้งนั้น
อีกทั้งยังมียอดฝีมือของโลกบู๊โบราณจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
พวกเขาต่างก็ชื่นชอบเลื่อมใสในชื่อเสียงของสำนักฉีเทียน แล้วคิดจะสมัครเข้าไปอยู่ในสำนักด้วย แต่กลับถูกขัดขวางให้อยู่นอกประตูทางเข้าสำนัก
แต่คนพวกนี้ต่างก็ยังไม่คิดจะถอดใจเลย ก็ยังคงปักหลักรออยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นสามคนนี้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา ก็มีคนจำฐานะของพวกเขาได้ทันที
“นี่ไม่ใช่ปู่ของหลินหยุน ยังมีลูกน้องอีกสองคนของเขาเหรอ?”
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่?”
“ดูจากท่าทีพวกเขาแล้ว ดูเหมือนจะโกรธมากเลย!”
“ก่อนหน้านั้นแกไม่เคยได้ยินเหรอ? หวางซูเฟินแม่ของหลินหยุนนั่น ยังมีฉินหลันที่เป็นผู้หญิงของเขา ยังมีแฟนสาว ก็คืออีหลิงแห่งตระกูลอีในเจียงหนานคนนั้น ต่างก็ถูกเจ้าสำนักเจียงยี่และมู่หงจับตัวกลับมาไว้ที่นี่กันหมดแล้ว!”
“ส่วนหลินหยุนตอนนี้ก็ยังคงเก็บตัวอยู่ ปู่ของเขาและลูกศิษย์ทั้งสองคน ก็ต้องตามมาหาคนถึงที่นี่แหละ!”
“ฮ่าๆๆ คราวนี้ก็มีละครดีๆให้ดูอีกแล้ว!”
“ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า หลินหยุนก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกัน! งั้นปู่ของเขาและลูกน้องทั้งสองคน ก็น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกันด้วย”
“ทั้งสามคนนี้ตอนนี้ก็มีพลังฝึกฝนที่สามารถสังหารพวกแดนเทพอย่างง่ายดายเหมือนดื่มน้ำแล้วสิ!”
“คราวนี้จะต้องน่าดูชมแล้ว!”
“นี่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าสำนักมู่หงและเจ้าสำนักเจียงยี่แล้วล่ะ!”
“ดูกันไปถอะ นี่จะต้องเป็นการสู้รบระดับมังกรกับพยักอย่างแน่นอน!”
ผู้คนต่างก็ออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนานา
แต่ว่าหลินซื่อเฉิงและซูจื่อเหลียง ซูหนันต่างก็ไม่มองหน้าใครเลย ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เดินลุยเข้าไปประตูสำนักฉีเทียนทันที
แต่กลับถูกลูกศิษย์สาวที่ยืนเฝ้าประตูอยู่สองคนนั้นขัดขวางเอาไว้
ลูกศิษย์สาวหนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “บังอาจ! รู้ไหมว่านี่คือสถานที่อะไร? ถึงกับกล้าบุกเข้ามา ถ้ากล้าก้าวเท้ามาอีกก้าว ก็จงรอตายอยู่ที่นี่ได้เลย!”
เมื่อเห็นท่าทางยโสของลูกศิษย์สาวนี้แล้ว ซูจื่อเหลียงก็โกรธจัดและกำลังคิดที่จะลงมือ
แต่ถูกหลินซื่อเฉิงขัดขวางเอาไว้
หลินซื่อเฉิงมองไปยังหญิงสาวทั้งสอง แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไปบอกเจ้าสำนักบ้าบออะไรของพวกแกทั้งสองนั้นด้วย รีบปล่อยตัวลูกสะใภ้และเสี่ยวหลันออกมา วันนี้พวกเราทุกคนจะได้อยู่รอดปลอดภัยไร้กังวล!”
“ไม่เช่นนั้นละก็…….”
“วันนี้จะทำให้สำนักฉีเทียนบ้าบออะไรของพวกแก เลือดไหลนองทั่วแผ่นดินเลย!”
หลินซื่อเฉิงพูดพลาง ลมปราณทั่วร่างก็ระเบิดกระจายออกมาทันที
พลังกดดันที่รุนแรงก็กดดันจนสีหน้าหญิงสาวทั้งสองคน ต่างก็ขาวซีดขึ้นมาทันที ร่างของเธอทั้งสองก็สั่นอย่างรุนแรงไปหมดทั้งตัว
ถ้าหากไม่ใช่หลินซื่อเฉิงควบคุมไว้ละก็ หญิงสาวทั้งสองคนก็จะต้องถูกกลิ่นอายพลังกดดันของเขาสังหารจนตาย โดยไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำไป!
หญิงสาวทั้งสองคนสีหน้าขาวซีด นัยน์ตาก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินซื่อเฉิงก็เก็บรวบรวมลมปราณทั้งหมดไว้ ทั้งสองคนจึงถอนหายใจเฮือกอย่างแรง หญิงสาวหนึ่งในนั้นก็รีบกลืนน้ำลาย ข่มความกลัวไว้แล้วพูดว่า “ถึงกับกล้ามาก่อความวุ่นวายที่สำนักฉีเทียนเรา พวกแกรออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ!”
พอพูดจบ ก็รีบมองไปยังเพื่อนอีกคน จากนั้นก็หันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในสำนัก