จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1047 ตระกูลแดร็กคิวล่าผู้ยิ่งใหญ่
ฟาวล์เคสเหมือนจะยังไม่เข้าใจสภาพเหตุการณ์ในขณะนี้ ซึ่งเห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าคาร์นอตวิลเลียม
ดูถูกเจ้าบ้านตระกูลจอร์จของพวกเขาอยู่
แต่ว่า ทำไมพ่อของเขาต้องตบเขาด้วย?
จอร์จ พีเทอะที่อ้วนกลมนั้นโมโหจนตัวสั่นไม่หยุด เขาจับไปที่ผมของฟาวล์เคส แล้วตะโกนเสียงดัง
ใส่: “แกไอ้เด็กโง่ แกมองดูให้ชัดเจนว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าของแกนั้นเป็นใคร! ”
“เปิดตาของแกให้กว้างขึ้นแล้วมองดูให้ชัดเจน เขาคือฝ่าบาทตระกูลแดร็กคิวล่า! ”
ฟาวล์เคสตกใจขึ้นทันที จากนั้นก็หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “คุณพ่อ ท่านอย่าได้มาล้อเล่น
กับฉัน ตระกูลแดร็กคิวล่า นั่นเป็นถึงตระกูลที่เก่าแก่และลึกลับที่สุดในตำนาน และเป็นตระกูล
ขนาดใหญ่สามอันดับแรกของตระกูลทั้งหมดในตะวันตก”
“ฝ่าบาทตระกูลแดร็กคิวล่า จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ตุบ!
จอร์จ พีเทอะตบไปที่ศีรษะของฟาวล์เคสอีกครั้ง และตวาดใส่ว่า: “ใครล้อเล่นกับแกล่ะ เปิดตาของแกให้กว้างขึ้นแล้วมองดูให้ชัดเจน”
ขณะที่พูด จอร์จ พีเทอะก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเปิดรูปถ่ายหนึ่งขึ้น วางไว้ตรงหน้าของ
ฟาวล์เคส
ฟาวล์เคสตกตะลึงอย่างมาก มองเปรียบเทียบคาร์นอตวิลเลียมกับคนในรูปถ่ายนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็ทรุดตัวลงไปที่พื้นด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
“ใช่ฝ่าบาทจริง ๆ ด้วย! ”
“ท่านเทพแห่งสว่างที่เคารพ ฉันไม่ได้จงใจที่จะล่วงเกินฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาประทาน
อภัยต่อความผิดของฉันด้วย! ”
ฟาวล์เคสคุกเข่าลงต่อหน้าของคาร์นอตวิลเลียม ลักษณะท่าทางต่ำต้อยราวกับทาส
ในฐานะที่เป็นถึงตระกูลใหญ่สามอันดับแรกในฝรั่งเศส ซึ่งตระกูลจอร์จก็รับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี
ถึงตระกูลที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่เหล่านี้
แม้ว่าพวกตระกูลใหญ่เหล่านี้จะชอบเก็บตัวอยู่ในที่ลับ แต่ว่า พวกเขากลับเป็นผู้ควบคุมชะตาชีวิต
กว่าครึ่งหนึ่งของโลก
ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจอร์จ ในสายตาของคนภายนอกแล้ว ก็ถือว่ายิ่งใหญ่อย่างมาก แต่เมื่อ
นำไปเปรียบเทียบกับตระกูลที่เก่าแก่และลึกลับเหล่านั้น ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจอร์จนี้
กลับอ่อนแอเหมือนเด็กทารกโดยสิ้นเชิง
คนของตระกูลจอร์จเองก็เข้าใจตรงจุดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้าบ้านตระกูลจอร์จคนนั้น พูดตามตรงก็คือคนรับใช้ของตระกูลแดร็กคิวล่านั่นเอง
พวกเขานับถือตระกูลแดร็กคิวล่าเป็นพระเจ้า สำหรับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่บางคนในตระกูล
แดร็กคิวล่าแล้ว พวกเขาต่างก็เก็บรูปถ่ายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลานดูถูกเหยียดหยาม
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ
แต่ว่า เด็กหนุ่มอย่างฟาวล์เคสกลับไม่ได้สนใจ โดยที่ไม่เคยเห็นรูปถ่ายบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ทาง
ตระกูลมอบให้กับเขามาก่อน
ดังนั้น จึงไม่รู้จักคาร์นอตวิลเลียม
คาร์นอตวิลเลียมไม่ได้สนใจฟาวล์เคสที่กำลังคุกเข่าก้มศีรษะอ้อนวอน แต่มองไปยังจอร์จ พีเทอะ: “ไอ้เด็กที่ไม่ได้เรื่องได้ราวที่มีตาแต่หามีแววไม่อย่างนี้ ตระกูลจอร์จไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้อีก
ต่อไปแล้ว”
จอร์จ พีเทอะตัวสั่นและพูดขึ้นว่า: “รับทราบ ฉันจะขับไล่เขาออกไปจากตระกูลจอร์จเดี๋ยวนี้”
ฟาวล์เคสถึงกับทรุดตัวลงไปกองกับพื้นเลย
คาร์นอตวิลเลียมมองไปยังเจซันที่กำลังตะลึงงัน
เจซันตกใจจนขาแข้งอ่อนไปหมด แทบจะคุกเข่าลงไปบนพื้นแล้ว
“ยังดีที่เมื่อครู่ฉันไม่ได้โทรศัพท์เรียกคนมา ไม่อย่างนั้นชะตากรรมของฉันในตอนนี้ก็คงจะ
เหมือนกับเจ้าโง่ฟาวล์เคสเป็นแน่”
“มันช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ฝ่าบาทตระกูลแดร็กคิวล่าในตำนาน คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวอยู่บน
ท้องถนนในปารีสได้! ”
เย่จื่อเชี่ยนตกตะลึง กระซิบพูดกับหลินหยุนว่า: “ปรมาจารย์หลิน เพื่อนคนนี้ของคุณ มีเบื้องหลัง
ที่ยิ่งใหญ่มากเลยทีเดียว”
หลินหยุนพูดว่า: “พอใช้ได้! ”
คาร์นอตวิลเลียมมองไปยังจอร์จ พีเทอะอีกครั้ง และถามว่า: “นายรับรู้ความเคลื่อนไหวของ
ตระกูลแดร็กคิวล่าในช่วงนี้บ้างไหม? ”
จอร์จ พีเทอะพลันมีสีหน้าท่าทางที่หวาดวิตก: “ฝ่าบาท ท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป ตระกูลจอร์จ
ต่างเป็นคนรับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดต่อตระกูลแดร็กคิวล่าตลอดกาล จึงไม่กล้าที่จะแอบสอบถาม
รับฟังเรื่องราวของเจ้านายโดยเด็ดขาด”
“รูปถ่ายเหล่านั้น ก็ใช้สำหรับให้วัยรุ่นของตระกูลจอร์จได้รู้จัก โดยที่ไม่ได้มีความหมาย
อย่างอื่นเด็ดขาด”
คาร์นอตวิลเลียมเหลือบตาขาวใส่จอร์จ พีเทอะ และพูดขึ้นว่า: “ในช่วงที่ผ่านมาฉันอยู่ที่จีน
มาโดยตลอด จึงอยากที่จะรับทราบสภาพการณ์ความเคลื่อนไหวของตระกูลบ้าง นายไม่ต้อง
เคร่งเครียดขนาดนั้น”
ได้ยินคำพูดนี้ จอร์จ พีเทอะจึงเบาใจลงได้บ้าง
“ฝ่าบาท ฉันไม่รับทราบเรื่องราวของตระกูลแดร็กคิวล่าจริง ๆ ทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว”
คาร์นอตวิลเลียมส่ายมือไปมา: “ช่างมันเถอะ ถามนายไปก็คงจะไม่ได้รับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวฉันกลับไปดูเองก็แล้วกัน! ”
จอร์จ พีเทอะน้อมตัวลง และพูดขึ้นอย่างเคารพว่า: “อย่างนั้นฉันขอไปส่งฝ่าบาท”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปกับเพื่อนของฉันเอง” คาร์นอตวิลเลียมปฏิเสธ
“ไปกันเถอะ! ” คาร์นอตวิลเลียมพูดกับหลินหยุน
หลินหยุนมองไปที่เย่จื่อเชี่ยน ไม่ทันรอให้เขาพูด เย่จื่อเชี่ยนก็ถามขึ้นอย่างเศร้าโศกว่า: “พวกคุณจะไปแล้วเหรอ? ”
“อืม” หลินหยุนพยักหน้า
“พวกเราจะได้พบเจอกันอีกไหม? ” เย่จื่อเชี่ยนมองไปที่หลินหยุน ด้วยแววตาที่คาดหวัง
ถ้าหากไม่เกิดปัญหาอะไร คาดว่าคงจะไม่ได้พบเจอกันที่ฝรั่งเศสอีกแล้ว
แต่ว่า เมื่อเห็นแววตาที่คาดหวังของสาวน้อย หลินหยุนก็ทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธ
“หากมีโอกาสคงได้พบเจอกันอีกครั้ง”
“ดูแลรักษาตัวเองให้ดี”
“ดูแลรักษาตัวเองให้ดี”
หลินหยุนกับคาร์นอตวิลเลียมก็จากไป ซึ่งเมื่อห่างออกมามองไม่เห็นเย่จื่อเชี่ยนแล้ว หลินหยุน
พบว่า วิญญาณที่ทรงพลังในจี้หยกที่อยู่ในแหวนเก็บของนั้น ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้ว
“ดูเหมือนว่า จี้หยกชิ้นนี้ปรากฏขึ้นที่ร่างของเย่จื่อเชี่ยน ไม่ใช่ความบังเอิญเป็นแน่”
“บางที วิญญาณทรงพลังที่หลับใหลอยู่ภายในนั้น มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเย่จื่อเชี่ยน”
แม้ว่าหลินหยุนจะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ว่า จากพลังความสามารถของเขาในตอนนี้ ยังคงไม่สามารถ
ทำอะไรกับวิญญาณดวงนั้นได้
อีกทั้งอาการป่วยของอีหลิงไม่สามารถที่จะปล่อยยืดเยื้อออกไปได้ จำเป็นจะต้องรีบหาสิ่งของ
ที่มีพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ให้ได้โดยเร็ว เพื่อกลั่นยาวิสุทธิ์ใจ รักษาอีหลิง
หลินหยุนติดตามคาร์นอตวิลเลียม มุ่งหน้าไปยังตระกูลแดร็กคิวล่า
และในขณะนี้เองบนเกาะเล็กที่รกร้างเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่งบริเวณด้านข้างของทะเลดำ บนเกาะ
แห่งนี้มีรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ นั่นคือพลูโตในตำนานเล่าขานของตะวันตก
แนวป้องกันของเกาะแข็งแกร่งอย่างมาก บนเกาะมีสิ่งของไฮเทคจำนวนมากมาย บางอย่างแม้ใน
กองทัพโลกก็ยังไม่มีเช่น เรดาร์ล้ำยุค ระบบต่อต้านขีปนาวุธทางอากาศ ต่างก็มีจัดวางเรียงรายอยู่
บนเกาะแห่งนี้
แม้ว่าสหรัฐอเมริกาที่มีเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยที่สุด ก็ยังไม่สามารถที่จะจัดวางแนวป้องกัน
ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ บนเกาะที่เปล่าเปลี่ยวห่างไกลที่อยู่บนตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ถือว่า
ไม่สำคัญมากนัก
แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ มีระบบการป้องกันที่ทันสมัยขนาดนี้ แต่บนเกาะนั้นกลับไม่มีสิ่งก่อสร้าง
มากเท่าไร ซึ่งนอกจากรูปปั้นพลูโตนั้นแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญโดดเด่นอะไรเลย
แต่ว่า ด้านล่างภายใต้รูปปั้นพลูโตขนาดใหญ่นั้น มีประตูทางเข้าที่กว้างประมาณสองเมตร และสูง
สามเมตร
วังใต้ดินขนาดใหญ่มหึมานั้น อยู่ด้านล่างของรูปปั้นพลูโตขนาดใหญ่นี้
ที่นี่ก็คือองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในระดับสากล เทพมรณะ
ภายในวังใต้ดิน ก็มีรูปปั้นพลูโตขนาดเล็ก ด้านหน้าของรูปปั้น มีกระถางไฟขนาดใหญ่ ภายใน
มีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชติช่วง ส่องสว่างภายในวังใต้ดินจนเกิดเป็นบรรยากาศที่น่ากลัว
ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่ด้านล่างของรูปปั้นพลูโต แล้วมองไปยังหลายเงาร่างที่อยู่
ในชุดสีดำเหมือนกันที่อยู่ด้านหลังของกระถางไฟ และพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า: “หลินชางฉอง
มาแล้ว”
แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะแหบแห้งจนแทบจะฟังไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึก แต่ ทุกคนล้วนทราบดี
ว่าเขากำลังโมโห
ขณะเดียวกัน ภายใต้วังใต้ดินก็มีเจตนาสังหารที่แกร่งกล้าแผ่กระจายไปทั่ว ซึ่งพลังเหล่านี้เกิดขึ้น
จากพวกคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำเหล่านั้น
“ฆ่า! ”
“ฆ่ามัน! ”
เสียงตะโกนที่หนักแน่นดังขึ้นท่ามกลางวังใต้ดินที่หลอนและน่ากลัว
ชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ใต้รูปปั้นพลูโตนั้น พูดขึ้นว่า: “หลินชางฉองฆ่าคนของพวกเราไปเป็น
จำนวนมาก ในการต่อสู้ที่หุบเขาหิมะ นักฆ่าระดับ SS สองคนก็ถูกเขาฆ่าตาย ความแค้นนี้พวกเรา
องค์กรเทพมรณะจะต้องแก้แค้นให้ได้”
“ตอนนี้ ฉันประกาศว่า การลอบฆ่าหลินชางฉองเป็นภารกิจระดับ S ขั้นสุดยอดซึ่งถือเป็นภารกิจขั้น สูงสุดขององค์กรเทพมรณะ”
“ผู้ใดฆ่าหลินชางฉองได้ ก็จะขึ้นเป็นผู้นำขององค์กรเทพมรณะคนต่อไป