จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1036 โลกมนุษย์ไม่เหลือยอดฝีมือแดนเทพอีกแล้ว
ตูมมมมม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปชั่วขณะ
กระบี่ยักษ์สีดำสีขาวและสีแดงทั้งสามเล่ม รวบรวมเข้ากันเป็นหนึ่งเดียวขึ้นโดยพลัน
ดาบยักษ์เจ็ดสีก่อนหน้านี้นั้น ได้ปรากฏขึ้นบนอากาศอีกครั้ง
แต่ว่า เมื่อเทียบกับตอนแรกเริ่มนั้น กลับมีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น
ราวกับว่า เมื่อกระบี่นั้นปรากฏตัวขึ้น ฟ้าดินถึงขนาดสามารถแยกออกจากกันได้
”ดาบเทพสังหาร! ”
บัณฑิตหนุ่มตะโกนดังอย่างบ้าคลั่ง และมีเลือดไหลออกมาจากทั้งเจ็ดทวาร
ดาบยักษ์เจ็ดสีราวกับสามารถแบ่งแยกเวลาและพื้นที่ว่างเปล่าออกจากกันได้ โดยมีทหารเทพ
ชั้นยอดนภา จากโบราณกาลพุ่งกระโจนออกมา
บริเวณที่เคลื่อนผ่านนั้น สั่นสะเทือนไปทั้งหมด ภายในอากาศได้ปล่อยสายฟ้าสีดำขนาดเล็ก
ออกมา นั่นคือสัญญาณของการทำลายอากาศความว่างเปล่า
หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เงาร่างหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ และยื่นมือทั้ง
สองข้างออกมา
ดาบเฮ่าเทียนล่องลอยวนเวียนอยู่เบื้องหน้าของเขาที่ระยะห่างสามเมตร แล้วค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น กระบี่ยักษ์โบราณเล่มหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของหลินหยุน
กระบี่ยักษ์เล่มนั้นดูเรียบราบไม่โดดเด่นอะไร คล้ายกับกระบี่หินเล่มหนึ่ง แต่ว่า ตัวกระบี่กลับ
กระจายส่งกลิ่นอายความโบราณและปล่าวเปลี่ยววังเวงออกมา
ดวงตาสองข้างของหลินหยุนเบิกโพลงขึ้นทันที แล้วชี้พลังออกมาเป็นกระบี่ และชี้เอียงขึ้นท้องฟ้า
”สังหารเทพด้วยดาบเดียว! ”
ดาบเฮ่าเทียนราวกับนักรบที่ได้รับคำสั่ง พุ่งทะยานออกไปในทันที เพื่อเผชิญหน้ากับดาบยักษ์เจ็ดสีนั้น
ดาบเฮ่าเทียนมีความเร็วที่เหนือกว่า แต่ว่า บริเวณที่เคลื่อนผ่านกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ซึ่งดูจากพลังอานุภาพแล้วนั้นยังเทียบไม่ได้กับดาบยักษ์เจ็ดสี
บัณฑิตหนุ่มยิ้มเยาะและพูดว่า: “หลินชางฉอง ดาบกระจอกของนายนี้ยังคู่ควรที่จะเรียกว่า
เทพสังหารอีกเหรอ? ”
“ดาบเล่มนี้ไปขุดคุ้ยออกมาจากถังขยะที่ไหนสักแห่งหนึ่งล่ะสิ! ”
“ฮ่าฮ่า……”
พวกคนอื่น ๆ ต่างก็พากันหัวเราะเยาะขึ้น
หลินหยุนเอามือไขว้หลัง แล้วมองไปยังกระบี่ยักษ์สองเล่มนั้นที่กำลังจะเข้าปะทะกัน ด้วยท่าทาง
ที่สงบนิ่ง โดยไม่ได้สนใจกับการเยาะเย้ยของพวกคนเหล่านั้น
ในที่สุดกระบี่ยักษ์สองเล่มนั้นก็ปะทะกันขึ้น
ซึ่งก็เหมือนกับขีปนาวุธล่องเรือสองลูกปะทะกัน แต่ว่า กลับไม่ได้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงดั่งที่
คาดคิดเอาไว้ และถึงขั้นที่เงียบสงบไม่มีเสียงดังอะไรเลย
กระบี่หินเรียบง่ายที่ดูแล้วไม่มีพลังอานุภาพของหลินหยุนนั้น ได้พุ่งชนบดขยี้ดาบเจ็ดสีนั้น
จนแหลกละเอียด จากนั้นยังคงพลังอานุภาพเหมือนเดิม แล้วก็พุ่งทะยานเข้าไปฟาดฟันยอดฝีมือ
แดนเทพทั้งเก้าคนนั้นที่กำลังควบคุมค่ายกลเทพสังหาร
“แย่แล้ว! ” บัณฑิตหนุ่มตะโกนร้องขึ้น
“เริ่มต้นโจมตีครั้งที่สองได้! ”
บัณฑิตหนุ่มได้ส่งสัญญาณไปให้กับกี่คนนั้น โดยที่ทั้งแปดคนนั้นได้รับทราบ พร้อมกับพุ่งกระโจน
เข้าใส่ยอดฝีมือแดนเทพสองคนที่เหลือนั้น
“แย่แล้ว รีบหนีเร็ว! ”
ยอดฝีมือแดนเทพทั้งสองคนนั้นก็เข้าใจค่ายกลเทพสังหารเป็นอย่างดี รู้ว่าในทุกครั้งที่ค่ายกล
เทพสังหารทำการโจมตี ยอดฝีมือแดนเทพจะต้องเสียสละแก่นแท้แห่งชีวิตของตน ถึงขนาดที่
สามจิตเจ็ดวิญญาณในร่างกายแตกกระเจิงสูญหายไป
เมื่อครู่ยอดฝีมือแดนเทพผู้นั้น แม้แต่จิตวิญญาณก็ยังไม่หลงเหลือเอาไว้ ซึ่งพวกเขาไม่อยากที่
จะถลำเข้าไปในความผิดพลาดแบบเดิมอีก
แต่น่าเสียดายที่ พวกเขาเผชิญหน้าอยู่กับยอดฝีมือแดนเทพทั้งเก้าคน โดยในจำนวนนี้มี
หนึ่งยอดฝีมือแดนเทพระดับใหญ่อยู่ด้วย
อีกทั้งยังมีค่ายกลเทพสังหาร ซึ่งพวกเขาไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน
ครั้งนี้ บัณฑิตหนุ่มควบคุมค่ายกลเทพสังหาร โดยได้ดูดกลืนสองคนนั้นเข้ามาด้านใน
“สารเลวยิ่งนัก! ”
ยอดฝีมือแดนเทพทั้งสองคนที่ถูกค่ายกลเทพสังหารควบคุมตัวนั้น ดุด่าโวยวายขึ้น
บัณฑิตหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์: “ขอโทษทั้งสองท่านด้วย การสังหารหลินชางฉอง เพื่อที่จะได้รับ
วิชาการบำเพ็ญเซียนนั้น จำเป็นต้องเสียสละทั้งสองท่านแล้ว”
“อีกทั้งต่อให้พวกท่านจะไม่ยอมเสียสละชีวิตต่อค่ายกลเทพสังหาร พวกท่านก็จะคงถูก
หลินชางฉองสังหารอยู่ดี ถึงอย่างไรก็ต้องตาย ฉะนั้นยอมเสียสละให้กับพวกเราไม่ดีกว่าหรือ”
“ต่ำช้ายิ่งนัก! ” ยอดฝีมือแดนเทพอีกคนหนึ่งดุด่าขึ้น: “ต่อให้พวกเราต้องตาย ก็คงจะไม่ยอมที่จะ
ให้นายได้ประโยชน์หรอก! ”
บัณฑิตหนุ่มยิ้มเยาะแหะแหะ: “นั่นคงจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว! ”
“สังเวยดาบ!”
บัณฑิตหนุ่มตะโกนขึ้น
ดาบเจ็ดสีที่ถูกหลินหยุนฟันจนแหลกละเอียดนั้น ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งกลางอากาศเหนือ
ศีรษะของทุกคน
เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่มีโอกาสแล้ว
หลินหยุนได้นำกระบี่หินเล่มนั้นลงมา
แล้วก็ฟาดฟันไปที่ตัวของดาบเจ็ดสีที่ปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง
ตูม!
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
คลื่นการโจมตีขนาดใหญ่ที่มีการปะทะเป็นจุดศูนย์กลาง ได้แผ่กระจายเป็นวงกว้างนับพันเมตร
ยอดฝีมือแดนเทพสองคนนั้นที่ถูกควบคุมอยู่กลางอากาศ ได้ถูกกระบี่หินฟันจนร่างแหลกละเอียด
เก้าคนที่ควบคุมค่ายกลเทพสังหารนั้น ต่างก็ถูกแรงระเบิดจากคลื่นการโจมตี จนกระอักเลือดและ
กระเด็นลอยไปไกล
“เป็นไปได้อย่างไร! ”
บัณฑิตหนุ่มเช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยความหวาดกลัว
“แม้แต่ค่ายกลเทพสังหารยังไม่สามารถฆ่าเขาได้ ทำไมบนโลกใบนี้ถึงได้มีผู้ที่แข็งแกร่งทรงพลัง
มากขนาดนี้ด้วย! ”
“หรือว่า เขาเป็นเทพเซียนชั้นฟ้าแล้ว! ”
“จบสิ้นกันเถอะ! ”
หลินหยุนยื่นมือกวักเรียกดาบเฮ่าเทียนให้กลับคืนมา เงาร่างดุจดั่งปีศาจ ทะลุละลวงไปมาระหว่าง
ทั้งเก้าคนนั้น
เก้าคนที่เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บนั้น ไม่มีผู้ใดที่จะต่อกรได้เลย
และก็ถูกสังหารลงทั้งหมด
ยอดฝีมือแดนเทพสิบแปดคน จนถึงขณะนี้ ได้ถูกหลินหยุนสังหารไปแล้วสิบเจ็ดคน เหลือเพียงแค่
นักพรตที่ก่อนหน้านี้นั้น ถูกหลินหยุนชกจนสลบ โดยที่ยังไม่ตาย
เวลานี้ เขาได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว
แต่ว่า เมื่อมองเห็นภาพที่ยอดฝีมือแดนเทพทั้งเก้าคนร่วงหล่นลงจากอากาศ พร้อมกับกระอักเลือด
ออกมานั้น นักพรตถึงกับตกตะลึงขึ้นทันที
“เหอะเหอะ ปรมาจารย์หลิน ช่างสมกับคำร่ำลือจริง ๆ ด้วย! ”
“วิชาบำเพ็ญเซียนช่างแข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมาก”
“แต่น่าเสียดายที่ ไม่มีใครสามารถที่จะได้ไปครอบครองได้”
หลินหยุนค่อย ๆ ลอยตัวลงมาที่เบื้องหน้าของนักพรต โดยที่ร่างกายไม่เปรอะเปื้อนใด ๆ เลย
เพิ่งจะสังหารยอดฝีมือแดนเทพไปตั้งมากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่รอยเลือดเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่มี
นักพรตไม่ได้ร้องขอความเมตตา และก็ไม่ได้พยายามต่อสู้ เพียงแค่มองไปที่หลินหยุนพร้อมกับ
ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “ปรมาจารย์หลิน พวกเราถูกคนปลุกปั่นมอมเมา เพื่อให้มาช่วงชิง
วิชาการบำเพ็ญเซียน ทว่า ความจริงแสดงให้เห็นแล้วว่า วิชาการบำเพ็ญเซียนนั้นแข็งแกร่งล้ำเลิศ
มากเลยทีเดียว โดยคิดไม่ถึงว่าลำพังแค่นายคนเดียวก็สามารถสู้รบกับยอดฝีมือแดนเทพทั้ง
สิบแปดคนได้! ”
“อันดับที่หนึ่งของลำดับเทพ นายคู่ควรเหมาะสมอย่างที่สุด! ”
หลินหยุนมองไปที่นักพรต ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “เมื่อฆ่านายลง โลกมนุษย์
ก็คงไร้ยอดฝีมือแดนเทพแล้ว”
นักพรตหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “ปรมาจารย์หลิน นายคิดว่าแดนเทพก็คือขั้นแดนสูงสุดของบู๊
อย่างนั้นเหรอ? เมื่อบู๊เข้าสู่แดนเทพ ก็คือการเริ่มต้นบำเพ็ญฝึกฝน”
“โลกบู๊ของจีน เป็นเพียงแค่การบำเพ็ญฝึกฝนที่ไม่สำคัญอะไร ซึ่งยอดฝีมือที่บำเพ็ญฝึกฝนบู๊
ที่แท้จริงนั้น อยู่ที่โลกบู๊โบราณ”
“แดนเทพของโลกบู๊ บางทีนายอาจจะสังหารไปจนแทบจะไม่เหลือแล้ว แต่โลกบู๊โบราณล่ะ? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “โลกบู๊โบราณ ต่อไปก็คงจะไม่มีอยู่อีกแล้ว”
นักพรตเงยหน้าขึ้น: “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”
ผู้ที่หัวเราะ มีเสียงหัวเราะดังอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนไอจามอย่างรุนแรง และกระอักเลือดออกมา
หลินหยุนทราบดีว่าเขาไม่เชื่อ แต่ว่า เทพเซียนทำไมจะต้องไปอธิบายให้กับมดแมลงฟังด้วยล่ะ
“โลกบู๊โบราณในสายตาของฉันแล้ว แท้ที่จริงก็คือพวกมดแมลงเท่านั้น”
หลินหยุนพูดจบ ก็หันหลังแล้วเหาะเหินกลับไปยังคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ ส่วนดาบเฮ่าเทียนก็
ทะยานขึ้น แล้วฟันไปที่ศีรษะของนักพรต
ยอดฝีมือแดนเทพทั้งสิบแปดคน เสียชีวิตลงทั้งหมด!
ในคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ หวางซูเฟินกับหลินซื่อเฉิงและคนอื่น ๆ มองไปยังหลินหยุนที่ยืนอยู่
เบื้องหน้าของพวกเขา ด้วยสีหน้าท่าทางที่โล่งอกเบาใจ
ต่อให้เป็นหญิงแกร่งอย่างหวางซูเฟิน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า
“คุณปู่ คุณแม่ ขอโทษด้วย ที่ทำให้พวกท่านต้องเป็นกังวล” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทาง
ที่สำนึกผิด
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว” ดวงตาของหลินซื่อเฉิง ก็เริ่มมีน้ำตาซึมบ้างเล็กน้อย
คิดถึงเหตุการณ์ที่เสียชีวิตในทุ่งน้ำแข็งตอนเหนือสุดที่หลินหยุนเล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนว่าฟ้าจะถล่มทลายลงมาแล้ว
หวางซูเฟินแอบเช็ดน้ำตา แล้วแกล้งทำเป็นดุด่าขึ้นว่า: “ไอ้เด็กคนนี้ ทำไมนายจะต้องไปทำเรื่อง
อะไรที่ทุ่งน้ำแข็งตอนเหนือสุดอันไกลโพ้นนั่นด้วยล่ะ? ”
“นายรู้ไหมว่าเมื่อตอนที่พวกเราเพิ่งทราบเหตุการณ์นั้น มีความกังวลเป็นห่วงนายมากแค่ไหน? ”
“ต่อไปไม่ว่านายจะไปที่ไหน จะต้องบอกให้ฉันทราบเสียก่อน เมื่อฉันตกลงเห็นด้วยแล้วนายถึงจะ
สามารถไปได้”
หลินหยุนเกาไปที่ศีรษะ จิตใจที่สงบนิ่งเริ่มรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนว่าในร่างกายมี
กระแสความอบอุ่นไหลผ่านอย่างไรอย่างนั้น
หนทางการบำเพ็ญเซียนนั้นยังอีกยาวไกล และโหดเหี้ยมไร้ความปราณีอย่างที่สุด ต่อให้ต้อง
ดำรงอยู่ไปตลอดกาลดุจดั่งโลก แล้วจะอย่างไรล่ะ?
มีเพียงแต่ครอบครัวญาติพี่น้อง และคนรักอยู่ข้างกาย ชีวิตนี้จึงจะไม่เสียใจในภายหลัง
“ลูกชายสำนึกผิดแล้ว”
“คุณแม่วางใจได้ ต่อไปฉันจะไปไหน จะต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน”
หวางซูเฟินเองก็ไม่ใช่ว่าจะตำหนิติเตียนหลินหยุน จึงได้เปลี่ยนอารมณ์จากที่โกรธเคืองเป็น
ดีใจขึ้น: “แบบนี้ก็ยังดีหน่อย”
เวลานี้ ซูจื่อเหลียงกับซูหนัน เพิ่งจะได้เข้ามาทำความเคารพ
“ยินดีด้วยที่ท่านอาจารย์กลับมาได้อย่างปลอดภัย! ” ซูจื่อเหลียงคำนับแสดงความเคารพ
ซูหนันไม่พูดไม่จาอะไร เพียงแค่คำนับตอนที่ได้สบตากับหลินหยุน
สายตาของหลินหยุนแสดงออกถึงความโล่งอกสบายใจขึ้น: “ครั้งนี้ ลำบากพวกนายสองคนแล้ว ต้องขอบคุณพวกนายเป็นอย่างมาก”